คำตอบ ก่อนอื่นต้องมาดูถึงลักษณะดินและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการปลูกผัก ควรเป็นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขังได้ง่าย มีน้ำเพียงพอใช้ตลอดฤดูกาล ดินที่เหมาะสม เป็นดินร่วนมีความอุดมสมบูรณ์สูง มีการระบายน้ำและการถ่ายเทอากาศดี ดินล่างไม่ควรเป็นชั้นของดินดาน เพราะจะทำให้น้ำซึมผ่านไม่สะดวก ถ้ามีฝนตกหนักหรือให้น้ำมากเกินไป จะทำให้พืชเหี่ยวเฉาและตายได้
การเลือกพันธุ์พืชผัก เลือกพันธุ์ที่มีความต้านทานต่อศัตรูพืช ปราศจากเชื้อโรค ผลผลิตสูง และมีคุณภาพตรงตามที่ตลาดต้องการ รวมทั้งเลือกพันธุ์ที่เจริญเติบโตได้ดี เหมาะสมกับฤดูปลูก และสภาพดินฟ้าอากาศ ให้แช่เมล็ดพันธุ์ผักในน้ำอุ่นนาน 10-15 นาที จะช่วยกำจัดเชื้อโรคพืช และเป็นการกระตุ้นให้เมล็ดพันธุ์งอกได้สม่ำเสมอ
การเตรียมดิน
1.เริ่มจากปรับระดับพื้นที่ให้ราบเรียบ ไม่เป็นแอ่งขังน้ำ ไถเตรียมดินด้วยการไถดะ 1 ครั้ง ตากดินทิ้งไว้ 7 วัน เพื่อกำจัดแมลงโรคและวัชพืช แล้วการไถพรวน 1 ครั้ง จะทำให้ดินมีเนื้อละเอียดร่วนซุยเหมาะแก่การปลูกพืชผักในพื้นที่ที่มีปัญหาวัชพืชและเคยมีศัตรูพืชระบาดอย่างรุนแรงมาก่อน ควรจะตากดินทิ้งไว้อีก 7 วัน แล้วไถพรวนอีกครั้งหนึ่ง
2.หลักจากนั้น ให้ทำการยกร่อง กว้างประมาณ 1.5 เมตร สูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร เป็นอย่างน้อย จะช่วยในเรื่องการระบายน้ำ ระยะระหว่างร่อง 30-50 เซนติเมตร ให้หว่านปุ๋ยหมัก อัตรา 4 ตันต่อไร่ หรือปุ๋ยคอก 2 ตันต่อไร่ ให้ทั่วพื้นที่ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน
3.ฉีดพ่นน้ำหมักชีวภาพ ที่ผลิตจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 อัตรา 5 ลิตรต่อไร่ (เจือจาง 1:500) เพื่อเพิ่มธาตุอาหาร และเป็นสารเร่งการเจริญเติบโตแก่พืชและจุลินทรีย์ดิน
4.หว่านเชื้อจุลินทรีย์ควบคุมเชื้อสาเหตุโรคพืช ที่ผลิตจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.3 อัตรา 100 กิโลกรัมต่อไร่ เพื่อป้องกันโรครากเน่าและโคนเน่า ในช่วงแรกที่ปลูก แล้วจึงปลูกพืชผัก
วิธีการปลูก จะแตกต่างกันตามชนิดของพืชผัก โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ
1.ประเภทที่ต้องเพาะกล้าก่อน แล้วจึงย้ายปลูก จะเป็นพวกเมล็ดที่มีขนาดเล็ก ต้องการการดูแลรักษาระยะต้นกล้ามากกว่าพืชผักชนิดอื่นๆ เช่น กะหล่ำ ดอกกะหล่ำปลี ผักกาดขาว มะเขือเทศ เป็นต้น
2.ประเภทที่หว่านเมล็ดลงในแปลงได้เลยจะเป็นพวกมีอายุสั้น โตเร็ว มีระยะปลูกถี่ เมล็ดหาง่าย และราคาถูก เช่น ผักชี ผักกาดเขียว กวางตุ้ง คะน้า สามารถปลูกได้ 2 วิธี คือ
2.1 โดยหว่านเมล็ดกระจายทั่วแปลง คลุมด้วยฟางบางๆ และรดน้ำเป็นฝอยละเอียดให้ทั่วแปลง เมื่อต้นกล้างอกและมีใบจริง ประมาณ 1-2 ใบ ให้เริ่มถอนแยก และจัดระยะปลูกให้พอเหมาะ
2.2 โดยการโรยเป็นแถว วิธีนี้จะประหยัดเมล็ดพันธุ์ได้มากกว่าวิธีหว่าน โดยโรยเมล็ดให้เป็นแถวในร่องลึก 0.5-1 เซนติเมตร เมื่อต้นกล้างอก ให้ถอนต้นที่อ่อนแอและเบียดชิดกันทิ้ง
3.ประเภทที่ใช้ปลูกเป็นหลุม จะเป็นพวกที่มีเมล็ดโต เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา แตงกวา ฟักทอง มะระ ผักกาดหัว เป็นต้น
การดูแลรักษา
1.หลังจากปลูกผักแล้ว ให้ใช้ฟางข้าวอัตรา 1 ตันต่อไร่ คลุมดินระหว่างแถวของพืชผักที่ปลูกเพื่อรักษาความชื้น ควบคุมวัชพืช และเมื่อฟางข้าวสลายตัวจะช่วยเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน
2.การใช้น้ำหมักชีวภาพ ฉีดพ่นอัตรา 2 ลิตรต่อไร่ (เจือจาง 1:1,000) ทางใบและลำต้น หรือรดลงดิน ทุก 7 วัน จนเก็บเกี่ยวผลผลิต จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของรากพืช เพิ่มการขยายตัวของใบ การยืดตัวของลำต้น และส่งเสริมการออกดอกและติดผลดีขึ้น
3.ในกรณีที่มีการใส่ปุ๋ยเคมี ให้ทำการแบ่งใส่ 2 ครั้งเท่าๆ กัน ครั้งแรกหลังปลูกผักไปแล้ว 3 สัปดาห์ ครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรก 2-3 สัปดาห์ โรยบางๆ ระหว่างแถว อย่าให้ชิดโคนต้น และพรวนดินกลบและรดน้ำตาม
4.การให้น้ำ ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงเวลาเช้าและเย็น ไม่รดตอนแดดจัด อย่าปล่อยให้น้ำขังแปลง
การจัดการดินหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้สับกลบเศษพืชผักลงดินและปล่อยให้ย่อยสลาย 7 วัน แล้วจึงเตรียมดิน ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพื่อปลูกพืชผักครั้งต่อไป
นาย รัตวิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี