กรมหม่อนไหม เป็นหนึ่งหน่วยงานที่ได้เร่งขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่สอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยดำเนินโครงการส่งเสริมการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบแปลงใหญ่นำร่องในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ เขตที่ดิน ส.ป.ก. อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี จำนวน 200 ไร่ เกษตรกร 50 ราย และบ้านคึมมะอุ ต.หนองว้า อ.บัวลาย จ.นครราชสีมา 200 ไร่ เกษตรกร 134 ราย มุ่งสร้างแปลงหม่อนชุมชนต้นแบบ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมให้กับเกษตรกร ทั้งการเพิ่มปริมาณผลผลิตสูงขึ้น พร้อมพัฒนารังไหมและเส้นไหมให้มีคุณภาพมาตรฐานที่สำคัญช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตร
นายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า การส่งเสริมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแปลงใหญ่ในจ.นครราชสีมา เน้นส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตเส้นไหมหัตถกรรมแบบครบวงจร เบื้องต้นกรมได้สนับสนุนพันธุ์หม่อนที่ให้ผลผลิตสูง ได้แก่ พันธุ์สกลนคร และพันธุ์บุรีรัมย์ 60 ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรได้ปลูกหม่อนเต็มพื้นที่แล้ว นอกจากนั้นยังสนับสนุนไข่ไหมพันธุ์ดี และดำเนินการขุดลอกสระน้ำพื้นที่ 70 ไร่ วางท่อส่งน้ำและวางระบบไฟฟ้าเพื่อใช้ในการสูบน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและระบบจ่ายน้ำเพื่อนำน้ำไปใช้ในพื้นที่ปลูกหม่อน ทั้งยังจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาและเสริมทักษะอาชีพให้กับเกษตรกร เช่น ฝึกอบรมเทคนิคการย้อมสีเส้นไหมด้วยสีธรรมชาติ เป็นต้น
ส่วนการส่งเสริมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแปลงใหญ่ในเขตที่ดิน ส.ป.ก. จ.อุทัยธานี มุ่งส่งเสริมการเลี้ยงไหมผลิตรังเพื่อจำหน่าย เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการด้านการผลิตและการตลาด รวมทั้งมีองค์ความรู้ในการประกอบอาชีพด้านหม่อนไหมอย่างสมบูรณ์ และให้เกิดอาชีพการเลี้ยงไหมอย่างยั่งยืนด้วย อนาคตได้เตรียมแผนขยายผลการส่งเสริมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบแปลงใหญ่เพิ่มเติมในพื้นที่อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร และอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
อย่างไรก็ตามกรมหม่อนไหมได้กำหนดแนวทางการลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการแข่งขันสินค้าเกษตรในพื้นที่ส่งเสริมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแบบแปลงใหญ่ 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.การลดค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิต 2.การเพิ่มผลผลิต และ3.การตลาด ในส่วนของการลดค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตนั้น ได้มีแผนส่งเสริมให้เกษตรกรลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีลงโดยให้มีการใช้ปุ๋ยให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ทั้งยังลดราคาพันธุ์หม่อนลง 20% ของราคาตามประกาศของกรมหม่อนไหม และให้ใช้พันธุ์หม่อนที่ให้ผลผลิตสูง เช่น พันธุ์บุรีรัมย์ 60 จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
ด้านนายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีหม่อนไหม กรมหม่อนไหม กล่าวว่า กรมได้ส่งเสริมให้มีการวิเคราะห์และปรับปรุงบำรุงดิน โดยให้ใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน พร้อมสนับสนุนปัจจัยการผลิตเพื่อปรับปรุงบำรุงดิน เช่น เมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วโดโลไมท์ และปูนมาร์ล และส่งเสริมการปลูกพืชตระกูลถั่วแซมในร่องหม่อนเพื่ออนุรักษ์ดินและน้ำ อาทิ ปอเทือง และถั่วเขียว เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังส่งเสริมให้ผลิตปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยชีวภาพไว้ใช้เอง และสนับสนุนให้ใช้ไหมพันธุ์จุลเบอร์ 6 ซึ่งให้ผลผลิตสูง นอกจากนั้น ยังมุ่งส่งเสริมแปลงปลูกหม่อนในโครงการทุกแปลงเข้าสู่มาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับหม่อนเพื่อผลิตใบ (มกษ.3500-2553) และสนับสนุนการสร้างโรงเลี้ยงไหมให้ได้มาตรฐาน ถูกต้องตามสุขลักษณะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงไหม และเพื่อให้มีความคงทนช่วยยืดอายุของโรงเลี้ยงไหมให้สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
อีกทั้งยังสนับสนุนให้จัดตั้งกลุ่มผู้ผลิตไหมวัยอ่อน 2 กลุ่ม เพื่อเพิ่มอัตราการรอดของไหม เพิ่มผลผลิตรังไหม ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าพันธุ์ไหมลงได้ ประมาณ 400-500 บาท และลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี