ประยุทธ์สั่งเอาผิดถึงคนใช้
แบรนด์เนมเก๊
เซ่น‘ละเมิดลิขสิทธิ์’
ย้ำฟันแค่ผู้ขายไม่พอ
ยธ.ลุยล้าง‘โรงเกลือ’
บุหรี่เถื่อนทะลักสตูล
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวหลังเป็นประธาน ประชุม
คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ(คทป)ครั้งที่1/2559 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เป็นการประชุมเพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุง การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่เป็นปัญหาของประเทศไทยมาตลอดหลาย เกิดจากการที่มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ก็ต้องดูจะเพิ่มอย่างไร การทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่มีความชัดเจน การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาของไทยซึ่งการบริการจดสิทธิบัตรยังค้างเป็น10,000 รายการ ต้องดูค้างเพราะอะไร ส่วนงานปราบปราม ต้องบูรณาการกันทุกภาคส่วน สร้างความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมดูกฎหมายว่ามีเพียงพอหรือยัง ถ้าทำเต็มที่ทุกอย่างแล้ว ทำไม่ได้ ก็จะไม่ผ่านการรับรองของต่างประเทศ ซึ่งต้องเตรียมการประชุมกับหลายประเทศในประชาคมโลก ช่วงเดือนเมษายนนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การปลูกจิตสำนึกว่าทำอย่างไรจะไม่ใช้ของปลอม กฎหมายว่า อย่างไรต้องเรียนรู้ ขณะเดียวกัน ถ้าไม่ใช้ของปลอมก็ต้องส่งเสริมสินค้าโอท็อปให้ตรงกับสิ่งที่อยากใช้ และเราสามารถทำได้ดีกว่า เพียงแต่ยี่ห้อไม่เหมือน วันหน้าอาจต้องทำยี่ห้อที่ติดตา ติดปาก ติดหูคนเพราะของดีอยู่แล้วซึ่งตนยังอยากใช้
“ถ้าไม่มี ซื้อไม่ได้ ก็อย่าใช้ของปลอม ต่อไปต้องมีมาตรการสำหรับผู้ใช้ด้วย จะเอาผิดเพียงคนขายอย่างเดียวไม่พอ เราอย่าคิดว่า เราทำกฎหมายแรงที่สุด แล้วมันจะจบ เพราะคนไทยไม่ชอบกฎหมาย รักอิสระ ประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน250เปอร์เซ็นต์ และ วันนี้จะรสนิยมสูง ในขณะที่มีรายได้น้อย ไม่ได้ รายได้น้อย ก็ต้องใช้ของที่เพียงพอ พอเพียง”นายกรัฐมนตรี ย้ำ
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงหลังเกิดเหตุกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชารุมเข้าร้ายเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ในการเข้าตรวจจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ที่ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว ล่าสุด นายกรัฐมนตรี เน้นการปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ว่า ทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เข้าร่วมการประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วแล้วเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ต้องเข้าใจและเห็นใจผู้ว่าฯและ คนที่อยู่ในพื้นที่ แต่การแก้ปัญหาต้องคำนึงความเป็นอยู่คนในพื้นที่และเศรษฐกิจในพื้นที่ ต้องค่อยๆ แก้ปัญหาไปเพราะเกี่ยวข้องกับกฎหมายพันธกรณีระหว่างประเทศ เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงทั้งค้าขาย และการท่องเที่ยว ต้องให้ระยะเวลาในการทำงาน และในการแก้ปัญหาคือจะต้องไม่มีสิ่งของผิดกฎหมายเลย หากยังมีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ก็แสดงว่าเราแก้ไม่ได้
ขณะที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงหลังประชุมร่วมกับผู้ว่าฯสระแก้วและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าได้ตกลงให้ ผู้ว่าฯสระแก้ว เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนดีเอสไอจะเป็นหน่วยสนับสนุนด้านการให้ข้อมูล มีข้อมูลผู้มีอิทธพลกี่กลุ่ม ก็ให้ทางผู้ว่าฯสระแก้ว โดยดีเอสไอจะเน้นเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือสินค้าปลอมประเภทของกินของใช้ ที่มีผลกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ผู้บริโภค ทั้งของกินและแบตเตอรี่รถยนต์
ในการเข้าไปจัดระเบียบได้มีสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR)จัดลำดับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินของประเทศคู่ค้า ตามกฏหมายการค้าสหรัฐ มาตรา 301 พิเศษเข้ามาดู แบ่งเป็น3 กลุ่มประเทศ1.Priority Foreign Country(PFC)คือกลุ่มประเทศที่ไมได้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเพียงพอ จนส่งผลกระทบรุนแรงต่อสินค้าและบริการสหัฐฯ 2.Priority Watch List(PWL)คือ กลุ่มประเทศที่ไม่ให้การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและมีการละเมิดทรัพย์ทางปัญญาระดับสูง 3.Priority List (PL)คือกลุ่มประเทศที่สหรัฐฯเห็นว่ายังไม่ใช้การคุ้มครองและการยังคับใช้กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างพอเพียง ซึ่งไทยพยายามดำเนินการเพื่อให้อันดับที่ดีขึ้นในสายตาโลก
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เริ่มคึกคักหลังเงียบเหงามาหลายวัน ได้มีพ่อค้า แม่ค้าและกรรมกรชาวกัมพูชากลับจากหยุดเทศกาลตรุษจีนกลับมาทำการค้าและทำงานรับจ้างในตลาดโรงเกลือ ยังมีบางส่วนกว่า30 เปอร์เซ็นต์ยังคงปิดร้านเงียบ ยังไม่คึกคักเท่าที่ควรจากปกตินักท่องเที่ยวจะมาเที่ยวตลาดโรงเกลือวันธรรมดาไม่ต่ำกว่าวันละ20,000-30,000คนแต่ตอนนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามา 10,000 คน หายไปกว่า 60เปอร์เซ็นต์
โดย พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.จว.สระแก้ว พร้อม ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1201และพ.ต.ท.จตุรภัทร สิงหัษฐิต รอง ผกก.ป.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว สนธิกำลังร่วมกัน ตรวจค้นอย่างเข้มงวด บริเวณจุดตรวจร่วมหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ขณะที่ พนักงานสอบสวนและตำรวจชุดสืบสวน สภ.คลองลึกยังคงเร่งหาพยานหลักฐานจากคลิปวีดีโอ และภาพถ่ายต่างๆในเพื่อหาเบาะแสในการขออนุมัติหมายจับเพิ่มจากที่ออกหมายจับไปแล้ว3 คน และจับได้เพียง 1 คน โดยชุดสืบสวน สภ.คลองลึกยังคงลงพื้นที่ตลาดโรงเกลือ เพื่อติดตามจับกุมชาวเขมรตามหมายจับของศาลจังหวัดสระแก้วที่ยังเหลืออีก 2 คน โดยล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เตรียมเสนอขอศาลจังหวัดสระแก้ว อนุมัติออกหมายจับชาวเขมรเพิ่มอีก 3-4 คน ตามหลักฐานภาพถ่ายและคลิป
ด้าน นายสมชัย เศรษฐวัฒณากุล นายด่านศุลกากร จ.สตูล กล่าวถึงสถานการณ์บุหรี่เถื่อนทะลัก หลังรัฐบาลปรับขึ้นราคาบุหรี่ว่าทางด่านศุลกากรได้มีการเข้มงวดการเข้าออกของสินค้าหนีภาษีมายตลอด โดยเฉพาะบุหรี่ ตั้งแต่ เดือนกันยายน 2558 จนถึงปัจจุบัน มียอดการจับกุมกว่า10 ล้านบาท ถือเป็นยอดจับกุมบุหรี่มากพอสมควร แต่ปัญหาของด่านคือจ.สตูล มี 4 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.ท่าแพ อ.ละงู อ.ทุ่งหว้า ติดทะเลเป็นบริเวณกว้าง และมีพรมแดน ติดต่อกับมาเลเซีย ทางฝั่ง ลังกาวี และรัฐเปอร์ลิส เชื่อมต่อกันทางน้ำ ทำให้การจับกุมทำได้ยากลำบากและกำลังพลเจ้าหน้าที่ของด่าน มีอยู่เพียงจำกัด จะต้องประสานขอกำลังจากทหาร และฝ่ายปกครองเข้ามามีส่วนร่วมจับกุมและออกติดตามไล่ล่าและปิดทางเข้าออก
นายด่านศุลกากร จ.สตูล กล่าวว่าขบวนการขนส่งสินค้าหนีภาษี มีการพัฒนาเครือข่ายโดยให้เรือประมงเป็นสายให้แก่เครือขาย เมื่อทางเจ้าหน้าที่ออกตรวจเรือประมงบางลำ ก็จะเป็นคนแจ้งสายให้แก่ขบวนการค้าของหนีภาษี ทำให้การจับกุมทำได้ยากยิ่งขึ้น สำหรับบุหรี่ที่ทางด่านจับกุมได้ ส่วนใหญ่จะเป็นบุหรี่ที่ผลิต ในประเทศอินโดนีเซียแต่ขายในมาเลเซียในราคาถูก ดังนั้น กลุ่มพ่อค้าของหนีภาษี ก็มักจะนำเข้ามาในพื้นที่จ.สตูล ก่อนที่จะส่งไปขายในพื้นที่3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ นายสมชัย กล่าวอีกว่าเมื่อคืนวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรสนธิกำลัง เจ้าหน้าที่ทหารรวม4 นายใช้เรือตรวจการณ์ ออกตรวจ บริเวณร่องน้ำในลำคลองปากอ่าวตำบลเจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล พบเรือต้องสงสัย ขบวนการค้าของหนีภาษีจากประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจสอบแต่เรือลำดังกล่าวกลับพุ่งเข้าชนเรือของทหารอย่างจังจนเจ้าหน้าที่กระโดดหนีตายจนอาวุธปืนโทรศัพท์จมน้ำและเรือเกิดการเสียหาย โชคดีเจ้าหน้าที่ บาดเจ็บเล็กน้อยและสามารถนำเรือกลับเข้าฝั่งได้ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองสตูล เพื่อให้ตำรวจติดตามเรือกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ ถือเป็นการกระทำที่อุจอาจหมายจะเอาชีวิตเจ้าหน้าที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี