วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ถึงเวลานี้ ก็พอจะพูดได้ว่า ผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศไทยเราได้รับรู้และตระหนักเป็นอย่างดีถึงความร้ายแรงของปัญหา“ภัยแล้ง” ที่กำลังวิกฤติเพิ่มขึ้นทุกขณะ จนนับเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ การกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนคนไทย
ล่าสุด เพิ่งมีผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของ ศูนย์เชี่ยวชาญการตลาดภูมิภาคเอเชีย ภาควิชาการตลาด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ชี้ออกมาว่า “วิกฤติภัยแล้ง”เป็นปัญหาใหญ่อันดับ 1 ที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขมากที่สุดจาก 9 ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการอยู่ดีกินดีของประชาชน
โพลล์ดังกล่าวในหัวเรื่อง “ความกินดีอยู่ดีของคนไทยในรอบ 1 ปี 6 เดือน”ได้สำรวจประชาชนคนไทยวัยตั้งแต่ 20 ถึง 60 ปี จำนวน 4,000 คน โดยสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน ครบทั้ง 5 ภูมิภาคของประเทศ ภูมิภาคละ 5 จังหวัดรวม 25 จังหวัด โดยสุ่มจังหวัดละ 5 อำเภอรวม 125 อำเภอ เลือกสุ่มอำเภอละ 1 ตำบล รวม 125 ตำบล ทำการสุ่มตำบลละ 1 หมู่บ้าน รวมแล้ว 125 หมู่บ้าน
ผลสำรวจออกมาว่า ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการกินดีอยู่ดีของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขอันดับ 1 คือ วิกฤติภัยแล้ง คิดเป็น 22.40% ตามด้วยปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ 18.36%, ปัญหาการส่งออก 16.71%, ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายฯ 13.42%, การไม่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐ 9.01%, ค่าครองชีพสูง8.77% นอกนั้นก็ยังมีเรื่องการคอร์รัปชั่นภาครัฐ,การก่อการร้ายและความไม่สงบในประเทศ จนถึงการลงทุนของรัฐและอื่นๆ
ทั้งนี้ ภาพรวมระดับความกินดีอยู่ดีของคนไทยในรอบ 1 ปี 6 เดือน ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 5.75 จากคะแนนเต็ม 10 เท่ากับอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งภาคเหนือมีระดับความดีอยู่ดีมากที่สุด 6.22 คะแนน รองลงมาเป็นภาคตะวันออก 6.19 คะแนน,ภาคกลาง 5.53 คะแนน,ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5.48 คะแนน และต่ำสุดคือภาคใต้ 5.37 คะแนน ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ภัยแล้งก็ดี ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำก็ดี กระทั่งปัญหามาตรการกดดันจากต่างประเทศ เช่น เรื่องประมงผิดกฎหมายก็ดี ส่งผลให้ภาพรวมระดับความกินดีอยู่ดีของคนไทยอยู่ในระดับปานกลาง เฉพาะภาคใต้ที่มีคะแนนต่ำที่สุดเพราะเจอทั้งปัญหาราคายางพาราตกต่ำและปัญหาประมง ส่วนอีสานที่คะแนนต่ำสุดรองลงมา ด้วยเจอทั้งราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและภัยแล้ง ขณะที่ภาคกลางแม้สินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าว ราคาจะตกต่ำ แต่ประชาชนภาคนี้จำนวนหนึ่งยังไปเป็นแรงงานในโรงงานและภาคการท่องเที่ยวได้ จึงมีผลกระทบน้อยกว่า
ผลสำรวจที่น่าสนใจอีกประเด็นคือ คำถามที่ว่า รัฐมนตรีที่มีบทบาทในการส่งเสริมความกินดีอยู่ดีของคนไทยในรอบ 1 ปี6 เดือน ซึ่งภาพรวมทั้งรัฐบาลได้ค่าเฉลี่ย 5.99 จากคะแนนเต็ม 10 อยู่ในระดับปานกลาง แต่เมื่อดูเป็นรายคน ปรากฏว่า รัฐมนตรีที่มีบทบาทมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ 1.นายกฯประยุทธ์ จันทร์โอชา 8.12 คะแนน 2.รองนายกฯประวิตร วงษ์สุวรรณ 8.07 คะแนน 3.รองนายกฯด้านเศรษฐกิจ-สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ 8.01 คะแนน 4.รมว.เกษตรและสหกรณ์-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ 7.98 คะแนน และ5.รมว.คลัง-อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ 7.45 คะแนน
โดยมีการอธิบายความว่า จากการที่ปัญหากลุ่มใหญ่ๆที่ส่งผลกระทบต่อความกินดีอยู่ดีของคนไทย อาทิ วิกฤติภัยแล้ง,ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ,มาตรการกดดันจากต่างประเทศ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโลก เป็นต้น ล้วนเป็นปัญหาระดับชาติที่รัฐบาลต้องใช้การบูรณาการความร่วมมือข้ามกระทรวง จัดตั้งกลไกขึ้นรับผิดชอบแก้ไขปัญหาเป็นรายประเด็น ควบคู่ไปกับการใช้กลไกปกติที่มีอยู่ ดังนั้น นายกฯประยุทธ์กับ 2 รองนายกฯที่ควบคุมการแก้ไขปัญหาเหล่านี้คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จึงได้รับการประเมินว่า มีบทบาทมากที่สุดใน 3 อันดับแรก
ขณะที่พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบทั้งในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในเชิงบูรณาการ ตลอดจนรับผิดชอบแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยตรงตามภารกิจของกระทรวงเกษตรฯ จึงถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญมากที่สุดเป็นอันดับ 4
ครับ ผลโพลล์ดังกล่าว ย่อมเป็นการชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังอย่างสูงของคนไทยที่มีต่อการทำงานของพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ด้วย
ดังนั้น แม้ด้านหนึ่งอาจจะเป็นแรงกดดัน ที่นอกจากท่านต้องแบกรับภาระงานอันหนักหนาอยู่แล้ว ยังต้องมาแบกรับความคาดหวังของคนไทยด้วย
แต่อีกด้านหนึ่ง ก็น่าจะเป็นความภาคภูมิใจที่คนไทยให้ความสำคัญกับท่านอย่างยิ่ง ควรถือเป็นกำลังใจที่จะแปรเป็นพลัง เร่งขับเคลื่อนงานให้สำเร็จ เพื่อให้สมกับความคาดหวังของคนไทยต่อไป
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี