วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ดร.อดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงมีนโยบายชัดเจนและให้ความสำคัญในการอนุรักษ์สัตว์น้ำ รวมทั้งการบริหารจัดการทรัพยากรประมงอย่างยั่งยืน ซึ่งมาตรการที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือ การประกาศและกำหนดช่วงเวลาหรือพื้นที่ ห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงที่มีประสิทธิภาพสูงจับสัตว์น้ำจืดที่มีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ครอบคลุมแหล่งน้ำจืดของประเทศ เพื่อใช้เป็นมาตรการด้านการสงวนคุ้มครอง และอนุรักษ์พ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำจืดในฤดูที่กำลังมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน ให้มีโอกาสแพร่ขยายพันธุ์ เพื่อเกิดผลผลิตสัตว์น้ำของแหล่งน้ำในปีต่อๆ ไป
กรมประมง จึงขอประกาศปิดฤดูการทำประมงในเขตน้ำจืด ในระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม - 15 กันยายน พร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้น 10 จังหวัด ที่มีประกาศปิดฤดูการทำประมงในเขตน้ำจืดเป็นการเฉพาะ เนื่องจากมีสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศที่แตกต่างกัน ดังนี้ 1.จังหวัดพังงา ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 31 สิงหาคม 2.จังหวัดนครนายก ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม - 31 สิงหาคม 3.จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 4.จังหวัดลำพูน ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน
5.จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน - 30 กันยายน 6.จังหวัดหนองบัวลำภู ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน - 15 ตุลาคม 7.จังหวัดขอนแก่น ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน - 15 ตุลาคม 8.จังหวัดอุดรธานี ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน-15 ตุลาคม 9.จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 1 กันยายน - 31 ธันวาคม และ 10.จังหวัดพัทลุง ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2559 - 31 มกราคม 2560
โดยห้ามมิให้ผู้ใดทำการประมงด้วยเครื่องมือทำการประมงหรือด้วยวิธีใดๆ ในที่จับสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด ยกเว้นเครื่องมือที่อนุญาตให้ทำการประมงได้ เป็นเครื่องมือบางชนิดที่ไม่ทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างรุนแรงตามที่กฎหมายกำหนด ดังนี้ 1.เบ็ดทุกชนิด ยกเว้นเบ็ดราว 2.ตะแกรง สวิง ช้อน ยอ และขนาง ซึ่งมีขนาดปากกว้าง ไม่เกิน 2 เมตร โดยห้ามไม่ให้ทำการประมงด้วยวิธีประดาหน้าตั้งแต่สามเครื่องมือขึ้นไป 3.ไซ ตุ้ม อีจู้ ลัน โปง และโทง 4.การทำประมงในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการทำการประมงเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ หรือรวบรวมลูกสัตว์น้ำหรือสัตว์น้ำวัยอ่อนเพื่อวัตถุประสงค์ในการเพาะเลี้ยง
ซึ่งต้องได้รับหนังสืออนุญาตจากอธิบดีกรมประมงให้อนุญาตเท่านั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนตามประกาศฯ ยังมีผลบังคับใช้ในบทเฉพาะกาลมาตรา 171 ประกอบมาตรา 70 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ปรับตั้งแต่ห้าพันถึงห้าหมื่นบาท หรือปรับจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมง โดยในปีนี้กรมประมงได้กำหนดจัดงานวันคุ้มครองปลาน้ำจืดมีไข่ “ฤดูน้ำแดง” ประจำปี 2559 ในวันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม บริเวณท่าชัยยุทธ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ตำบลช้างใหญ่ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากประชาชนที่มีอาชีพจับสัตว์น้ำ และประชาชนทั่วไป ร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ และร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกการทำประมงอย่างถูกวิธี ไม่ทำลายสัตว์น้ำ ด้วยการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ ไม่จับปลาในฤดูที่ปลาน้ำจืดมีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวอ่อน พร้อมกันนี้กรมประมงขอความร่วมมือ ให้ประชาชน ชุมชนท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และสร้างจิตสำนึกเพื่อหวงแหนทรัพยากรสัตว์น้ำ ในท้องถิ่นตนเอง ผ่านการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมง และกลุ่มอาสาสมัครอนุรักษ์สัตว์น้ำ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่กรมประมง ในการสอดส่องดูแลและแจ้งเบาะแสการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เปิดโอกาสให้ฤดูกาลที่สัตว์น้ำจืดกำลังมีไข่ได้วางไข่และแพร่ขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนทรัพยากรสัตว์น้ำจืด เพื่อใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและยั่งยืนสืบต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี