วันอังคาร ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ประกันสังคมสิทธิที่คนวัยทำงานควรรู้ ประโยชน์ที่ได้คุณภาพชีวิตที่ไม่ควรมองข้าม

ประกันสังคมสิทธิที่คนวัยทำงานควรรู้ ประโยชน์ที่ได้คุณภาพชีวิตที่ไม่ควรมองข้าม

วันเสาร์ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2559, 14.35 น.
Tag :
  •  

การประกันสังคม คือ การสร้างหลักประกันในการดำรงชีวิตในกลุ่มของผู้ประกันตน โดยการจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม เพื่อรับผิดชอบในการเฉลี่ยความเสี่ยง 7 กรณี  เพื่อให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี และมีรายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายคนยังมีความรู้และความเข้าใจไม่เพียงพอ และเกิดความสงสัยว่าเงินที่จ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมนั้นนำไปใช้ในเรื่องใด สิทธิประโยชน์ที่ได้มีอะไรบ้าง ถ้าหากไม่ได้ใช้สิทธิเงินที่จ่ายไปนั้นเราจะได้คืนหรือจะถูกนำไปใช้อย่างไร เราจึงได้รวบรวมข้อมูลเพื่อให้มนุษย์เงินเดือนได้ทราบกัน

พ.ต.ต.หญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวว่า "พ.ร.บ.ประกันสังคมมีมาตั้งแต่ปี 2533 โดยให้ 3 ฝ่าย ลูกจ้าง นายจ้าง และรัฐบาล ลงทุนร่วมกัน โดยลูกจ้างและนายจ้างจ่ายฝ่ายละ 5% ในขณะที่รัฐบาลจ่าย 2.75% รวมเป็น 12.75 % ซึ่งในปัจจุบันเงินทั้งหมดที่กองทุนประกันสังคมเก็บเข้ามาจาก 3 ส่วนทั้งใน มาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 รวมแล้วมีเงินอยู่ประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท โดยได้แบ่งเงินเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 เงินที่จัดเก็บเข้ามาเป็นกองทุน ส่วนที่ 2 เมื่อจัดเก็บเป็นกองทุนแล้วจะนำเงินมาใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้ประกันตน และส่วนที่ 3 คือการลงทุน"


โดยในส่วนของการนำเงินมามาใช้จ่ายเพื่อดูแลผู้ประกันตนนั้น จะนำมาใช้ในเรื่องสิทธิประโยชน์ 7 กรณี โดยเงินทั้งหมด 12.75 % ใน 1.5 % จะนำมาใช้ใน 4 กรณีด้วยกัน คือ

1. เจ็บป่วย ที่นอกเหนือจากการทำงาน โดยผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิในการรักษากรณีเจ็บป่วยทั่วไป ที่ไม่ไม่ใช่ 14 โรคยกเว้น ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับสิทธิรวมถึง อุบัติเหตุ ตรวจวินิจฉัยโรค ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ปลูกถ่ายอวัยวะ ค่ายา ค่าอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ จนกว่าจะสิ้นสุดการรักษา นอกจากนี้ กรณีทันตกรรมยังได้มีมติใหม่ของคณะกรรมการเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการจ่ายเงินมากขึ้น โดยให้ภายใน 1 ปี สามารถเบิกเงินได้ไม่เกิน 600 บาท ไม่จำกัดครั้ง จากเดิมที่ 1 ปี เบิกได้ 2 ครั้ง ครั้งละไปเกิน 300 บ. รวม 1 ปี 600 บาท

2. คลอดบุตร ผู้ประกันตนได้รับสิทธิ 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง ไม่จำกัดจำนวนครั้ง พร้อมเงินสงเคราะห์ลาหยุด 90 วัน

3. ทุพพลภาพ ผู้ประกันตนได้รับสิทธิค่ารักษาพยาบาล เงินทดแทนจากการขาดรายได้ 50% ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต รวมถึงค่าอุปกรณ์ โดยจะจ่ายจนกว่าผู้ประกันตนจะเสียชีวิต ซึ่งในกรณีนี้ผู้จัดการศพมีสิทธิได้รับค่าทำศพ 40,000 บาท

4. เสียชีวิต จ่ายเป็นค่าทำศพ 4 หมื่น และเงินสงเคราะห์ โดยจะจ่ายให้แก่บุคคลซึ่งผู้ประกันตนทำหนังสือระบุให้เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์นั้น

ส่วนอีก 3 กรณีจะแบ่งเป็น กรณีสงเคราะบุตร/ชราภาพ 3 % และกรณีว่างงาน 0.50%

5. สงเคราะบุตร ผู้ประกันตนได้รับสิทธิเป็นเงินสงเคราะห์บุตรตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 ปี คนละ 400 บาทต่อคนต่อเดือน รับสิทธิไม่เกิน 3 คน

6. ชราภาพ แต่เดิมมีการจ่ายเป็นเงินบำเหน็จ และได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้ปี 2557 เป็นการจ่ายบำนาญ ตั้งแต่อายุ 55 ปีขึ้นไป โดยเงินส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับ กอช. (กองทุนการออมแห่งชาติ) โดยเงินที่โอนไปที่ กอช. เป็นของผู้ประกันตนตามมาตรา 40 ที่ไม่ได้อยู่ในมาตรา 33 (มาตรา 33 คือผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบประกันสังคมหรือในสถานประกอบการ ที่จ่ายเงินสมทบโดยภาคบังคับที่กดหมายบังคับว่าต้องจ่าย)

7. ว่างงาน ที่ไม่ใช่กรณีกระทำผิดต่อนายจ้าง โดยแบ่งเป็น 2 กรณีคือ กรณีว่างงานจากการถูกเลิกจ้าง ได้เงินทดแทน 50% จากฐานเงินเดือน ปีละไม่เกิน 180 วัน และกรณีว่างงานจากการลาออก ได้เงินทดแทน 30% ปีละไม่เกิน 90 วัน โดยต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงงานจัดหางานของรัฐภายใน 30 วัน และต้องรายงานต่อเจ้าหน้าที่สำนักจัดหางานไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง

โฆษก รมยง ได้กล่าวต่อเกี่ยวกับเงินส่วนที่ 3 ส่วนของการลงทุนว่า "ส่วนที่นำไปลงทุนนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 78% ของเงินลงทุน จะนำไปลงทุนในตลาดที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ส่วนที่ 2 ในอีก 22 % ของเงินลงทุน จะนำไปลงทุนในตลาดที่มีความเสี่ยง เช่น ตราสารหนี้อื่นๆ เงินฝากธนาคาร เป็นต้น โดยในการลงทุนสปส.จะมีระเบียบของคณะกรรมการการลงทุนว่าด้วยการจัดหาผลประโยชน์ของกองทุนประกันสังคม มีกรอบยุทธศาสตร์ที่เป็นตัวกำหนดว่าลงทุนอย่างไรให้อยู่ในกรอบ และมีคณะอนุกรรมการ 2 คณะ คือ อนุกรรมการด้านบริหารความเสี่ยง อนุกรรมการด้านการลงทุน ทั้ง 2 จะช่วยดูเรื่องความเสี่ยง ให้ความเห็นยินยอมเรื่องการลงทุน"

ถามถึงมาตราฐานสถานพยาบาลกับการให้บริการผู้ป่วยประกันสังคม โฆษกสปส.กล่าวว่า "ในปี 2559 มีสถานพยาบาลคู่สัญญากับสำนักงานประกันสังคมอยู่ 240 แห่ง รัฐบาล 158 แห่ง เอกชน 82 แห่ง ซึ่งสปส. มีมาตราการในการควบคุมดูแลการให้บริการของสถานพยาบาล 3 มาตราฐาน

มาตราฐานแรก เป็นมาตราฐานโครงสร้างของสถานพยาบาลที่มาเป็นคู่สัญญา โดยสถานพยาบาลนั้นจะต้องเป็นโรงพยาบาลทุติยภูมิ คือโรงพยาบาลที่มีมาตราฐานเตียงตั้งแต่ 100 เตียงขึ้นไป มีมาตราฐาน 11 มาตราฐานหลัก คือ มาตราฐานทั่วไป มาตราฐานฉุกเฉิน มาตราฐานการให้บริการผู้ป่วยนอก มาตราฐานเวชระเบียน มาตราฐานการให้บริการผู้ป่วยใน มาตราฐานการให้บริการผู้ป่วยหนัก ICU มาตราฐานศัลยกรรม มาตราฐานวิสัญญี มาตราฐานรังสีวิทยา มาตราฐานพยาธิ มาตราฐานชันสูตร มาตราฐานเภสัช และต้องมีมาตราในการส่งต่อ ในกรณีที่สถานพยาบาลมีศักยภาพในการรักษาบางโรคไม่เพียงพอ จะต้องส่งต่อผู้ประกันตนของตนเองไปยังอีกสถานพยาบาล และต้องตามไปจ่ายค่ารักษาจนกระทั่งสิ้นสุดการรักษา นอกจากนี้ สถานพยาบาลที่จะมาเซนสัญญาให้บริการผู้ประกันตน จะต้องมีบริการจากทางการแพทย์ 12 สาขาหลักขึ้นไป จะต้องมีแพทย์ประจำเต็มเวลา อยู่ 4 สาขาหลัก คือ อายุรกรรม ศัลยกรรม สูติ-นรีเวชกรรม ออร์โธปิดิกส์  และต้องเป็นสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ ผ่าน HA อันดับ 2 ขึ้นไป

มาตราฐานที่ 2 มาตราฐานทางวิชาชีพ มาตราฐานการรักษาโรค โดยมีราชวิทยาลัยแพทย์เป็นตัวกำหนด

มาตราฐานที่ 3 การควบคุมระดับ การตรวจสอบ โดยสปส.จะมีคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์และทางพยาบาลไปตรวจออดิทสถานพยาบาล โดยตรวจทั้งเรื่องเวชระเบียน ตรวจสถานพยาบาล และดูแลเรื่องการให้บริการให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด ในส่วนของการร้องเรียน เมื่อมีผู้ประกันตนร้องเรียน สปส.จะมีที่ปรึกษาทางการแพทย์ลงไปตรวจลงสอบ โดยเมื่อมีผลสรุปออกมาหากผู้ประกันตนเกิดความไม่พึงพอใจ ผู้ประกันตนมีสิทธิส่งเรื่องมาที่อนุกรรมการเรื่องร้องเรียนได้ และเมื่อผลสรุปออกมาไม่เป็นที่พึงพอใจผู้ประกันตนมีสิทธิที่จะอุทรณ์ ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายถือเป็นสิ้นสุด โดยบทลงโทษของสถานพยาบาลนั้นมีตั้งแต่การพากทัณฑ์ ไปจนถึงการยกเลิกสัญญา

นอกจากนี้ หากผู้ประกันตนเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลนั้นๆ แล้วเกิดไม่พึงพอใจ ท่านมีสิทธิที่จะเลือกเปลี่ยนสถานพยาบาลได้ โดยมีหลักเกณฑ์ในการเปลี่ยนคือ 1. ผู้ประกันตนที่อยู่ในสถานประกอบการจังหวัดนั้น มีสิทธิเลือกสถานพยาบาลที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันหรือจังหวัดรอยต่อ โดยสามารถแจ้งความจำนงได้จากแบบฟอร์มในเว็บไซต์ www.sso.go.th หรือสายด่วน 1506 ในระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม ของทุกปี

ทั้งนี้ สปส.ไม่ได้มีเพียงการควบคุมดูแลและบทลงโทษเท่านั้น แต่ยังมีการการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพสถานพยาบาลที่เรียกว่า "โครงการสถานพยาบาลในดวงใจ" เพื่อให้สถานพยาบาลดูแลผู้ประกันตนให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2549 ในปีนี้เข้าสู่ปีที่ 11 โดยจะมีการจัดประกวดปีละ 1 ครั้ง ให้รางวัลแก่สถานพยาบาลที่มีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่องและไม่มีเรื่องร้องเรียน สถานพยาบาลที่ชนะเลิศจะได้รับมอบโล่และเงินรางวัลตามขนาดของสถานพยาบาล

อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ประกันตนจำนวนไม่น้อยที่เกิดความสงสัยเกี่ยวกับเงินที่จ่ายสมทบเข้ากองทุน แต่เคยใช้สิทธิเลย เงินส่วนดังกล่าวจะได้รับคืนหรือไม่ หรือถูกนำไปใช้อย่างไร โฆษก รมยง ได้อธิบายว่า "ประกันสังคมคือการ เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข นั่นหมายถึง จะมีผู้ประกันตนบางท่านอาจต้องต้องใช้เงินมากกว่าคนอื่น เช่น นำไปรักษาโรคโรคเรื้อรัง ที่ต้องเสียเงินในการรักษาสูง เงินที่เอามาลงขันร่วมกันจะนำมาเฉลี่ยไปให้คนบางคน บางคนอาจได้ใช้มาก บางคนอาจได้ใช้น้อย เหล่านี้เพื่อต่อยอดชีวิตคนจำนวนหนึ่งให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ เป็นการเฉลี่ยสุขของเราเพื่อไปบรรเทาทุกข์ของเขา ให้ได้มีความสุขกลับคืนมา"

ท้ายสุดแล้ว เงินที่ทุกท่านจ่ายเข้าไปสมทบในกองทุนประกันสังคมนั้น จะไม่สูญเปล่า ถึงแม้จะได้ใช้สิทธิน้อย แต่ยังมีอีกหลายคนได้รับประโยชน์

พ.ต.ต.หญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานประกันสังคม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เช็คที่นี่‘ราชกิจจานุเบกษา’เผยแพร่ประกาศ‘ค่าแรง 400 บาท’ บังคับใช้แล้ววันนี้ เช็คที่นี่‘ราชกิจจานุเบกษา’เผยแพร่ประกาศ‘ค่าแรง 400 บาท’ บังคับใช้แล้ววันนี้
  • อึ้ง!!! คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะจาก\'ไตเรื้อรัง\' เพิ่ม 3 เท่า ในรอบ 30 ปี สูงสุดแซงมะเร็ง อึ้ง!!! คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะจาก'ไตเรื้อรัง' เพิ่ม 3 เท่า ในรอบ 30 ปี สูงสุดแซงมะเร็ง
  • ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
  • ชมสด! การออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ชมสด! การออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
  • ขอให้ใจเย็น! \'สรวงศ์\'เร่งแก้ปัญหา\'ไทยไอดี\'ล่ม ไม่ต้องกลัวสิทธิ์หมด ขอให้ใจเย็น! 'สรวงศ์'เร่งแก้ปัญหา'ไทยไอดี'ล่ม ไม่ต้องกลัวสิทธิ์หมด
  • เปิดปุ๊บล่มปั๊บ! ชาวเน็ตด่ายับ\'เที่ยวไทยคนละครึ่ง\'แอปล่มแต่เช้า เปิดปุ๊บล่มปั๊บ! ชาวเน็ตด่ายับ'เที่ยวไทยคนละครึ่ง'แอปล่มแต่เช้า
  •  

Breaking News

สายฝนกระหน่ำสำโรง น้ำท่วมขัง'ถนนเทพารักษ์'สมุทรปราการ

‘ยะลา’จัดพิธีสวนสนามและทบทวนคำปฏิญาณ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ

ลูกบ้านรวมกลุ่มโวย‘ผญบ.’ไม่โปร่งใส สารภาพนำเงินกองทุนฯไปใช้ทางอื่น

‘พลังประชารัฐ’ลงพื้นที่‘แม่เปา’ มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัย‘น้ำท่วมเชียงราย’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved