ดร.จูอะดี พงศ์มณีรัตน์ รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมง ได้นำแนวทางนโยบายประชารัฐของรัฐบาลมาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปลาสวยงาม เพื่อเปิดช่องทางการตลาดและขยายเครือข่ายทางการค้าให้ผู้ประกอบการไทย โดยนำทีมผู้ส่งออกและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามของไทย ร่วมงานแสดงสินค้าสัตว์เลี้ยงและอุปกรณ์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงระดับนานาชาติ เพื่อแสดงศักยภาพของไทยในการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก และเปิดช่องทางการเจรจาธุรกิจการค้า เพื่อสร้างช่องทางการตลาดในเวทีระดับสากลในงาน “Interzoo 2016” ที่ศูนย์แสดงสินค้าเมืองเนิร์นแบร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 26-29 พฤษภาคม 2559 ที่ผ่านมา

โดยการดำเนินงานครั้งนี้ มีผู้ส่งออกและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามและพรรณไม้น้ำ รวมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากประเทศไทย เข้าร่วมออกร้านและเจรจาธุรกิจในนามบูธของกรมประมงกว่า 100 ราย มีการนำสินค้าปลาสวยงามคุณภาพจากเกษตรกรไทยเข้าร่วมจัดแสดงในงานดังกล่าวมากมาย อาทิ ปลากัดสายพันธุ์ต่างๆ ปลาหมอมาลาวี ปลาเฉี่ยว และพรรณไม้น้ำสวยงามหลากหลายชนิด

พร้อมทั้งมีการแจกไดเร็กเทอรี่ซึ่งเป็นหนังสือที่รวบรวมรายชื่อผู้ส่งออก และผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองจากกรมประมง รวมถึงแจ้งขั้นตอนการส่งออก รายละเอียดสินค้าปลาสวยงาม พรรณไม้น้ำ และอุปกรณ์ที่ผลิตจากประเทศไทยเพื่อประชาสัมพันธ์แก่ผู้เข้าร่วมชมงานด้วย ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดีและมีการร่วมเจรจาการค้ากับประเทศต่างๆ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ ฮังการี สเปน โปแลนด์ เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล สาธารณรัฐเช็ก และโปรตุเกส เป็นต้น

สำหรับสินค้าที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ปลากัดปลาหางนกยูง และพรรณไม้น้ำชนิดต่างๆ นอกจากนี้ กรมประมงได้มีการพบปะกับผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหากฎระเบียบการนำเข้า-ส่งออก พร้อมทั้งยังได้ทำการสำรวจข้อมูลเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ได้แก่ กลุ่มปลาทะเล และปะการัง ซึ่งเป็นที่สนใจของตลาดกลุ่มประเทศยุโรปอีกด้วย

ทั้งนี้ งาน Interzoo ถือเป็นงานแสดงสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี โดยในปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 1,800 บูธ จาก 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจากการที่กรมประมงได้นำผู้ส่งออกและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสวยงามของไทยเข้าร่วมงานครั้งนี้ จะสามารถต่อยอดการส่งออกเพื่อสร้างมูลค่าการทางเศรษฐกิจให้ประเทศได้มากกว่า 20 ล้านบาท