นายสุชล แก้วเกาะสะบ้า ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินยะลา เปิดเผยว่า สภาพพื้นที่ทางการเกษตรของจังหวัดยะลา ส่วนใหญ่มีความลาดเอียงจากเนินเขาลงไปสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งเป็นที่ราบและมีการทำนา ทำให้เกิดปัญหาการชะล้างพังทลายของหน้าดินจากพื้นที่สูงลงสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ และยังมีน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน ส่งผลให้มีการชะล้างธาตุอาหารในดิน ทำให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์

จากสภาพปัญหาดังกล่าว จึงได้ประสานกับหมอดินอาสาประจำตำบล เพื่อจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการพัฒนาปรับปรุงบำรุงดินตามแนวทางวิชาการของกรมพัฒนาที่ดิน ที่หมู่ 4 บ้านทุ่งยามู ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา โดยกรมพัฒนาที่ดินได้สนับสนับสนุนปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานจำนวน 20 ตัน และน้ำหมักชีวภาพจำนวน 5,000 ลิตร เพื่อเป็นต้นแบบการผลิตและการใช้งาน นอกจากนี้ยังพบว่าสภาพดินในพื้นที่ยังมีปัญหาความเป็นกรด จึงแก้ด้วยการนำปูนโดโลไมน์มาช่วยปรับสภาพดินโดยเกษตรกรได้รวมกลุ่มการเรียนรู้ที่ศูนย์ดังกล่าว ซึ่งหลังรับการถ่ายทอดองค์ความรู้และฝึกปฏิบัติ ก็สามารถนำไปใช้ปฏิบัติจริงในพื้นที่เกษตรของตัวเองได้ และยังเชื่อมโยงในการสร้างตลาดเพื่อจำหน่ายผลผลิตร่วมกัน

“จากการที่สถานีพัฒนาที่ดินยะลาเข้ามาผลักดันจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ฯ และส่งเสริมให้เกษตรกรทำปุ๋ยหมักสูตรพระราชทานและน้ำหมักชีวภาพ นอกจากช่วยพัฒนาปรับปรุงบำรุงดินแล้ว ยังทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรลดลง เกษตรกรเลิกพึ่งพาสารเคมี ผลผลิตทางการเกษตรดีขึ้น มีคุณภาพ ปลอดภัย คุณภาพชีวิตทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคดีขึ้นเพราะไม่ต้องเสี่ยงจากสารเคมี” นายสุชล กล่าวทิ้งท้าย