พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรฯสนับสนุนและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนม ให้สามารถดำเนินธุรกิจโคนมอย่างยั่งยืน ผ่าน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโคครบวงจร ระยะที่ 1 เพื่อพัฒนาอาชีพโคนมของกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์ให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน พัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้น โดยได้เลือก สหกรณ์โคนมไทยมิลค์ จำกัด เป็น 1 ใน 3 สหกรณ์ต้นแบบ เข้าร่วมโครงการ

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวอีกว่า สหกรณ์โคนมไทยมิลค์ ได้ดำเนินการตามแนวทางเกษตรแปลงใหญ่ด้านปศุสัตว์ โดยเกษตรกรร่วมกันบริหารจัดการการผลิตแปลงหญ้าขนาดกว่า 1,200 ไร่ พร้อมนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลมาใช้ เพื่อลดต้นทุนการผลิต แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เพิ่มคุณภาพการผลิตอาหารสัตว์แก่โคนม เพิ่มปริมาณผลผลิตน้ำนมโค ทำให้สามารถผลิตน้ำนมจากเดิม 125 ตันต่อวัน เป็น 140 ตันต่อวัน ทำให้มีรายได้เพิ่มจากการขายน้ำนมดิบกว่า 100 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตหญ้าและอาหารหยาบคุณภาพดีไม่น้อยกว่า 2,000 ตันต่อปี ผลิตอาหารผสมสำเร็จครบส่วนไม่น้อยกว่า 10,000 ตันต่อปี และผลิตโคสาวคุณภาพดี จำนวน 1,000 ตัวต่อปี

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า สหกรณ์ไทยมิลค์ จำกัด ได้ดำเนิน 5 กิจกรรมหลัก คือ 1.ปรับปรุงฟาร์มโคนมของเกษตรกร โดยติดตั้งระบบรีดนม ระบบถังเก็บนมพร้อมเครื่องทำความเย็น เพื่อพัฒนาคุณภาพการผลิตน้ำนมโคตามมาตรฐานฟาร์มโคนม GAP 2.จัดตั้งศูนย์ผลิตอาหารโคนม ทำแปลงหญ้าขนาดใหญ่ โดยสหกรณ์ผลิตอาหาร TMR (Total Mix Ration) พร้อมจัดส่งให้ถึงฟาร์มของเกษตรกรโดยตรง 3.จัดฟาร์มโคสาวทดแทนรวมของสหกรณ์ 4.ปรับปรุงการขนส่งน้ำนมดิบเพื่อลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ และ 5.จัดตั้งหน่วยพัฒนาสุขภาพและผลผลิตโคนม ระหว่างกรมปศุสัตว์ร่วมกับสหกรณ์

อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังจะดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตน้ำนมโคครบวงจร ระยะที่ 2 มีสหกรณ์โคนมกว่า 20 แห่ง สนใจะขอเข้าร่วมโครงการดังกล่าว นอกจากนี้รัฐบาลได้สนับสนุนเงินกู้ ผ่าน ธ.ก.ส. กว่า 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและสหกรณ์ด้านเทคนิควิชาการการเลี้ยงโคนมและการบริหารจัดการธุรกิจสหกรณ์ ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมการข้าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการประชุมวิชาการข้าว
แห่งชาติ ครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน ณ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ ภายใต้แนวคิดงานวิจัยข้าวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลงานวิจัยและความรู้เรื่องข้าวจากองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน ชุมชนท้องถิ่น เพื่อเพิ่มมาตรฐานงานวิจัยข้าวของชาติสู่สากล เชื่อมโยงงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ รวมถึงขับเคลื่อนยุทธศาสตร์งานวิจัยด้านข้าวของประเทศต่อไปในอนาคต

สำหรับกิจกรรมในงานประกอบด้วยการบรรยายพิเศษ การเสวนา นิทรรศการการแสดงผลิตภัณฑ์ข้าวและการแสดงเครื่องมืออุปกรณ์เพื่องานวิจัยข้าว และการนำเสนอผลงานวิจัยภาคบรรยายและภาคโปสเตอร์ใน 6 กลุ่มย่อย ได้แก่ 1.การปรับปรุงพันธุ์ข้าวและการใช้ประโยชน์จากพันธุกรรมข้าว 2.การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตข้าวและการอารักขาข้าว 3.การพัฒนาเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวและโลจิสติกส์ 4.การพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและการแปรรูป 5.การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และการตลาดข้าว 6.การพัฒนาระบบการส่งเสริม และการถ่ายทอดเทคโนโลยี