11 ก.ค.59 ที่ห้องประชุมชั้น 11 สำนังานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายวิเชียร ถนอมพิชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกฯ ได้ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการสั่งคดีกลุ่มวัยรุ่นที่รุมทำร้าย นายสมเกียรติ ศรีจันทร์ อายุ 36 ปี ชายพิการอาชีพส่งขนมปัง จนเสียชีวิต ย่าน ถ.โชคชัย 4
โดย ร.ท.สมนึก กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้ส่งสำนวนคดีพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง นายพีระพล หรือเปา ยศพงษ์อนันต์ , นายอัครเดช หรืออั๋น ทัศนะ , นายมนต์มนัส หรือเต้ย แสงโพธิ์ ,นายจตุพร หรือเบียร์ จันทร์โสภา , นายเมฆ พลไกรสร , นายอรินทร์ หรือเตอร์ ยศพงษ์อนันต์ และ น.ส.ณัชนิชา หรือเกมส์ ฤทธิ์ล้ำเลิศ ผู้ต้องหาที่ 1 - 7 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมืองฯ โดยไม่มีเหตุอันควร และกล่าวหาว่า นายอัครเดช , นายจตุพร , นายเมฆ และนายอรินทร์ ผู้ต้องหาที่ 2 , 4 , 5 , 6 ว่า ร่วมกันบุกรุกเคหะสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ
ในชั้นพิจารณาของอัยการ นางทองคำ ศรีจันทร์ มารดาของผู้ตาย ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ขอให้แจ้งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย เพิ่มเติมในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 289 แต่ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 7 ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองฯ และสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2 , 4 , 5 , 6 เพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหะสถานฯ ตามสำนวนของพนักงานสอบสวน
ส่วนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น คณะทำงานพิจารณาพยานหลักฐานและหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้วเห็นว่า ยังไม่เป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 เพราะการกระทำเป็นไปโดยปัจจุบันทันด่วน ไม่มีการคิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจไปกระทำความผิด ดังนั้น อัยการจึงงดแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ด้าน นายวิเชียร รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า ขณะนี้อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ซึ่งรับผิดชอบสำนวน กำลังร่างคำฟ้อง คาดว่าจะแล้วเสร็จและยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดได้ทันภายในวันพุธที่ 13 ก.ค.นี้ ที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้าย ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ อย่างไรก็ดี หากยื่นฟ้องอัยการก็จะคัดค้านการให้ประกันตัวด้วยเหตุผลว่า อาจจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ญาติผู้ตายสามารถที่จะร้องขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ และเพิ่มฟ้องเองในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ได้หรือไม่นั้น นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 กรณี หากจะเข้าเป็นโจทก์ร่วม ญาติสามารถยื่นคำร้องต่อศาลได้เลย แต่การฟ้องจะต้องยึดสำนวนที่อัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามมาตรา 288 เป็นหลัก และถ้าขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมแล้ว จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนทางแพ่ง อัยการก็ยินดีที่จะช่วยเหลือทางกฎหมายร่างคำร้องในการเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ให้ศาลพิจารณาร่วมกับสำนวนในคดีอาญาด้วย ซึ่งการแจ้งสิทธิฟ้องแพ่งดังกล่าว อัยการจะต้องแจ้งให้ผู้เสียหายทราบในทุกคดีที่เป็นหลักปฎิบัติอยู่แล้ว และถ้าเป็นกรณีที่จะใช้สิทธิยื่นฟ้องในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 ก็สามารถยื่นฟ้องเองได้ เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 นั้น กฎหมายบัญญัติอัตราโทษให้ประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 - 20 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี