มท.ตั้งกก.สอบฟัน‘กทม.’ แจ้งความเอาผิดปมไฟ39ล. ชี้ปลดผู้ว่าฯต้องรอผลสรุป

มท.ตั้งกก.สอบฟัน‘กทม.’ แจ้งความเอาผิดปมไฟ39ล. ชี้ปลดผู้ว่าฯต้องรอผลสรุป

วันพุธ ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

เมื่อวันที่ 12 กรกฏาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบทุจริตโครงการค่าใช้จ่ายประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกทม.มูลค่ากว่า 39 ล้านบาทว่า สตง.แจ้งมาที่กระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้ว และสตง.ยังแจ้งให้แจ้งความดำเนินคดีกับม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.และให้ตั้งกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่กทม. หากพบมีความผิดให้มฟ้องแพ่งผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งมท.ดำเนินการตามที่สตง.แจ้งมาแล้ว โดยมอบให้นายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทยไปแจ้งความดำเนินคดีตามที่สตง.เสนอมาแล้วเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณาปลดหรือพักงานผู้ว่าฯกทม.ได้หรือไม่อย่างไรต้องรอให้คดีถึงสิ้นสุดก่อนหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า คงต้องเป็นเช่นนั้น ต้องให้คณะกรรมการสรุปข้อเท็จจริงก่อนแล้วดูตามระเบียบกฎหมายที่จะดำเนินการได้ ส่วนวาระดำรงตำแหน่งของผู้ว่าฯกทม.ที่เหลือ ไม่น่ามีผลต่อการดำเนินคดี ถ้าเรื่องไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีผลผูกพันทางกฎหมาย แม้จะเกษียณแล้วหรือไม่ก็ตาม


ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการใช้งบประมาณในโครงการต่างๆที่ไม่โปร่งใสของกทม.ว่า กระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลต้องสอบสวนเมื่อมีการร้องเรียนมา ต้องรอการสอบสวนก่อนเข้าสู่ขั้นตอนอื่น ส่วนต้องให้ศูนย์อำนวยต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เข้าไปตรวจสอบหรือไม่ ขอรอให้มีกระบวนการสอบสวนก่อน เพราะประเด็นนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานต้องสอบสวนข้อเท็จจริง หากเห็นว่ามีมูลความผิดจะเข้าสู่กระบวนการ ทั้งหน่วยงานของรัฐและหน่วยงานอิสระ และยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มาดำเนินการ

วันเดียวกัน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า.มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการป้องกันการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)เสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตในทุกหน่วยงานราชการและหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อนายกฯ ซึ่งตั้งขึ้นสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลปัจจุบันที่เน้นปราบทุจริต และเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชน

ด้านนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวสันต์ มีวงษ์ โฆษก กทม.แถลงยืนยันการจัดซื้อรถดับเพลิงขนาดเล็ก 20 คัน วงเงิน 160 ล้านบาทถูกต้องและเป็นรถมาตรฐานเยอรมันโดยตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการโกหกประชาชนหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริง รถดับเพลิงเหล่านี้สัญชาติอเมริกัน จากเอกสารใบเสนอราคา ระบุเป็นรถยี่ห้อโพลาริสของสหรัฐฯ ทั้งนี้ เท่าที่ตนไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทดังกล่าว แสดงรายละเอียดราคารถรุ่นนี้ว่า เป็นรุ่นแรงเยอร์ ตั้งราคาไว้ที่ 12,599 เหรียญสหรัฐ เป็นเงินไทยคันละ 434,000 บาทเท่านั้น แต่กทม.ระบุราคาเสนอขายถึงคันละ 2.5 ล้านบาท ส่วนต่างถึงคันละ 2 ล้านกว่าบาท หมายความว่าอย่างไร

“ที่สำคัญรถรุ่นนี้ เป็นรถเปลือย ไม่มีหลังคา ไม่มีประตู เพราะฝรั่งใช้ขับกินลมชมวิว แต่บริษัทที่นำเข้ามาเสนอขายนำมาประกอบต่อหลังคา ใส่ประตูและกระจก รวมถึงต่อเติมส่วนด้านหลังที่ใช้บรรทุกอุปกรณ์ดับเพลิง ถามว่าใช้รถที่ประกอบหลังคาพลาสติกไปดับไฟจะไม่มีอันตรายหรือ เมื่อสะเก็ดไฟปลิวมา” นายวิลาศกล่าว

และยืนยันว่า การที่ตนตรวจสอบกทม. ไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ระบุมีกระบวนการเลื่อยขาเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. และตนยังมีข้อมูล ข้อร้องเรียนจากข้าราชการกทม.อีกมาก ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง และที่สอบเสร็จแล้วรอคิวจะแถลงให้สังคมรับรู้ เช่นเดียวกับ เรือดับเพลิงแอร์โบ๊ท ที่กทม.ซื้อมาลำละกว่า 10 ล้านบาท ส่วนที่กทม.ระบุจะฟ้องตน ตั้งแต่ออกมาเปิดเรื่องทุจริตอุโมงค์ประดับไฟแอลอีดี 39.5 ล้านบาท ตนรอคำฟ้องมา 2 เดือนแล้ว ฉะนั้นขอให้รีบฟ้อง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top