วันอาทิตย์ ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568
5 ส.ค. 59 เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.ถาวร ขาวสอาด ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.เศรษฐกรณ์ ชัยวีระวงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.คลองหลวง และ พ.ต.ท.วิเชียร เหมือนสุวรรณ์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.คลองหลวง ได้ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับผลการดำเนินคดีเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย สืบเนื่องจากวันที่ 16 มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้นำหมายค้นของศาล เข้าทำการตรวจค้นวัดธรรมกาย เพื่อจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันรับของโจร โดยมีมวลชนเข้ามาขัดขวางการปฎิบัติหน้าที่
ด้าน พ.ต.อ.เขมพัทธ์ กล่าวว่า จากที่สถานีตำรวจภูธรคลองหลวงได้เคยแถลงข่าวไปแล้ว 2 ครั้ง ในเรื่องผลการดำเนินคดีเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งจะเห็นได้ว่าทางสถานีตำรวจภูธรคลองหลวง ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ขอเรียนว่าปัจจุบันคดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสวนในขณะนี้เหลืออยู่เพียง 2 คดี ได้แก่คดีความผิดเกี่ยวกับการครอบครองยุทธภัณฑ์ (ลวดหนามหีบเพลง) และคดีความผิดเกี่ยวกับการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน

พ.ต.อ.เขมพัทธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนคดีเกี่ยวกับการครอบครองยุทธภัณฑ์ (ลวดหนามหีบเพลง) ผลการตรวจพิสูจน์ลวดหนามหีบเพลงของกลาง ปรากฏว่าเป็นยุทธภัณฑ์ ตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 โดยวัดพระธรรมกายมีเจตนาที่จะใช้เพื่อกีดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ซึ่งที่ประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี ที่ 141/2559 ได้มีมติให้ดำเนินคดีกับบุคคลจำนวน 4 คน ที่ถือว่าเป็นผู้ครอบครองยุทธภัณฑ์ ได้แก่ 1.วัดพระธรรมกาย โดยพระเทพญาณมหามุนี ในฐานะนิติบุคคล 2.พระสมนึกปิยธัมโม 3.นายพิชัย เหล่าศิริมงคล 4.นายวัลลภ กัณหะเสน และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้มารับทราบข้อกล่าวหา โดยเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 59 ที่ผ่านมา นายพิชัย และนายวัลลภ ได้มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกแล้ว เบื้องต้นยังไม่ขอให้การใดๆ จะมาให้การพร้อมพยานหลักฐานในภายหลัง
.jpg)
พ.ต.อ.เขมพัทธ์ เผยต่ออีกว่า ส่วนความผิดเกี่ยวกับการชุมนุมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน ซึ่งเคยได้เรียนให้ทราบแล้วว่า รู้ชื่อรู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว 10 คน ฟ้องคดีต่อศาลแล้ว 1 คน เข้ามอบตัว 3 คน อีก 6 คน ได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ปัจจุบันมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 5 คน โดยทั้ง 5 คน ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และยังไม่ขอให้การใดๆ จะมาให้การเพิ่มเติมพร้อมพยานหลักฐานในภายหลัง และที่สำคัญเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.) พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายจับบุคคลตามภาพที่เป็นผู้ชุมนุมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน และศาลได้อนุมัติออกหมายจับ น.ส.จีรภา ไร้รอด กับบุคคลตามภาพ รวมจำนวน 19 คน ซึ่งทีมสืบสวน สภ.คลองหลวง จะได้เร่งรัดจับกุมตัวมาดำเนินคดี แต่ทั้งนี้ยังมีผู้กระทำความผิดที่ยังไม่ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับอยู่อีก ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าประการใด สภ.คลองหลวง จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป

ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวทิ้งท้ายว่า มีประเด็นที่น่าสังเกตว่า ในการชุมนุมขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 59 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มาร่วมชุมนุม ใส่ผ้าปิดจมูกโดยมีจุดประสงค์เพื่อปิดบังใบหน้า ขอเรียนว่าในการชุมนุมสาธารณะนั้น นอกจากผู้ชุมนุมจะต้องชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธแล้ว ผู้ชุมนุมยังมีหน้าที่ไม่ปิดบังหรืออำพรางตนโดยจงใจมิให้มีการระบุตัวบุคคลได้ถูกต้อง หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ
ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของกฎหมายก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีบุคคลที่สาม ปะปนเข้ามาร่วมชุมนุมและก่อเหตุแทรกซ้อนได้ง่าย ดังนั้นในการชุมนุมสาธารณะขอให้ผู้ชุมนุมตระหนักถึงหน้าที่ของผู้ชุมนุมตามกฎหมายด้วย เพื่อประโยชน์แก่ตัวผู้ชุมนุมเอง
.jpg)


โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี