วันจันทร์ ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
25 ส.ค. 59 นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงมาตราปฎิรูปภาคเกษตรของรัฐบาลให้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมทำนาไปปลูกพืชอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ ครอบคลุม40 จ.พื้นที่5.7 แสนไร่ ว่า มีเป้าหมายปรับเปลี่ยนปลูกข้าว4.2 แสนไร่ ได้รับการตอบรับดีเกินคาดมีเกษตรกรสมัครใจแล้ว 8หมื่นครัวเรือนรายจากเป้าหมาย8.4 หมื่นครัวเรือนพร้อมปรับเปลี่ยนลงมือปฎิบัติ 30จ เป็นภาคอีสานครบทุกจังหวัด ภาคเหนือ 7 จ. ภาคตะวันตกมีจ.กาญจนบุรี ภาคตะวันออก มีจ.สระแก้ว ซึ่งพื้นที่ไม่เหมาะสมมีอำเภอเป้าหมาย 380อำเภอ 2,037 ตำบลขณะนี้ยังมีเกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการต่อเนื่อง มีเป้าหมายให้จังหวัดส่งชื่อเข้ามากรมส่งเสริมการเกษตร ภายใน27 ส.ค.รวบรวมส่งรายชื่อ โดยรัฐจ่ายเงินสนับสนุนและเงินกู้ ด้านพืชและปศุสัตว์ ตามกรอบวงเงิน 5 พันล้านบาทเบื้องต้น ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือธกส.ภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งโครงการนี้ทำได้เร็วเดือนก.ย.เพราะก่อนเริ่มเตรียมการ ไว้แล้วช่วงต่อปลายฤดูนาปี
"เกษตรกร ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวแบบถาวร จะได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ 2พันบาทต่อไร่ปรับพื้นที่วางระบบน้ำ ครัวเรือนละไม่เกิน 5 ไร่ และช่วยปัจจัยการผลิตฟรี เช่นอ้อย ข้าวโพด ยังมีเงินช่วยช่วงไม่มีรายได้สนับสนุนพันธุ์ปลา หรือเลี้ยงเป็ด ไก่ ได้รับ2,840 บาทต่อครัวเรือนรวมแล้วได้ครัวเรือน 3หมื่นกว่าบาท เป็นเวลา 3เดือน ทั้งนี้พื้นที่นาส่วนที่เหลือยังทำนาตามปกติได้ ซึ่งภายใน3 ปีจะติดตามดูโครงการอื่นใส่ลงไปได้ เพื่อให้ส่งเสริมรากฐานอาชีพเกษตรกรให้เข้มแข็งมากขึ้น ทั้งนี้ไม่มีกฎหมายไปบังคับต้องเลิกทำนากี่ปี ในการเปลี่ยนปลูกข้าวขาวไม่เหมาะสมกับสภาพดินเพื่อลดปริมาณข้าวขาวออกสู่ตลาดโดยในเขตชลประทาน ลดปลูกข้าวนาปรังรอบสองลง2-3ล้านไร่ จะช่วยราคาข้าวดีขึ้นด้วย"นายโอฬาร กล่าว
ด้านนายวีรชาติ เขื่อนรัตน์รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่าพื้นที่ปรับเปลี่ยนปลูกข้าวหันมาเลี้ยงปศุสัตว์ 1.5 แสนไร่ 40จ.ระยะโครงการ6 ปี มีเกษตรกรเข้าร่วมแล้ว 3หมื่นราย ถือว่าเปลี่ยนแน่นอนเพราะมีรายได้ดีกว่าสมัครใจมาเข้าโครงการเพิ่มขึ้น โดยได้รับเงินอุดหนุนทำแปลงหญ้าไป รายละ5 ไร่ประมาณ 2 หมื่นบาท ไปไถปรับดินทำระบบน้ำสนับสนุนพันธุ์หญ้า การผสมเทียน ดูแลสุขภาพสัตว์ เกษตรกรเข้าโครงการมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า7-25 ไร่ ปลูกหญ้า5ไร่ อีกสองไร่ปลูกข้าวตั้งแต่เริ่มโครงการรับโคเนื้อ วัว กระบือ แพะ จะมีรายได้ขายมูลโค เดือนละ2 พันบาท ขายพันธุ์หญ้า เดือนละ2 พันบาทขายลูกวัว ประเมินราคาตลาดปัจจุบันไม่ต่ำวก่า3หมื่นบาทต่อตัว ซึ่งกำหนดให้ไปกู้เงินธกส.จัดซื้อพันธุ์สัตว์ ตั้งราคา สเปกไว้ อายุ2-3 ปีแม่พันธุ์สัตว์ต้องอุ้มท้องแล้ว เพื่อเกษตรกรมีรายได้แน่นอนจากขายลูก จนปีสุดท้ายเกษตรกรมีวัวของตัวเอง15 แม่ สร้างรายได้มั่นคง ไม่กลับปลูกข้าวแน่นอน มาเลี้ยงโคเนื้อ กระบือ แพะ สัตว์ทั้งสามชนิด มั่นใจมีตลาดยังต้องการอีกมาก ถ้าลงมือปลูกข้าวไปแล้วจะไม่ได้เข้าโครงการ
ทั้งนี้โครงการการปรับเปลี่ยนพื้นที่ที่ทํานาไม่เหมาะสมนั้น ได้ผ่านมติครม.แล้วเป็นไปตามผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.)ครั้งที่ 3/2559 เมื่อวันที่30 มิ.ย. 59 ได้เสนอแนวทางปรับลดพื้นที่ปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม (S3 และ N) จํานวน5 โครงการ วงเงิน4,911.34 ล้านบาท ลักษณะของโครงการ 4 โครงการแรก ส่งเสริมใหป้ รับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม (S3 และ N)ไป เลี้ยงกระบือ, โคเนื้อ,แพะ และ ปลูกหญ้า ตั้งเป้าหมายเกษตรกร30,000 ราย รวมกลุ่ม3,000 กลุ่ม ปรับเปลี่ยนพื้นที่ 150,000 ไร่ วงเงินสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. 10,686 ล้านบาท ระยะเวลา 6 ปี ดอกเบี้ย ร้อยละ 5 (รัฐบาลชดเชย ร้อยละ 3) และโครงการ ส่งเสริมให้ปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปเป็นเกษตรกรรมทางเลือกอื่น โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายปรับปรุงพื้นที่ ระบบน้ําปัจจัยการผลิต และอุดหนุนค่าใช้จ่ายระหว่างการปรับเปลี่ยน เพื่อ ลดค่าใช้จ่าย และ มีอาหารบริโภคในครัวเรือน เป้าหมาย 84,000 ครัวเรือนปรับเปลี่ยนพื้นที่ 420,000 ไร่ วงเงิน2,610.10 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี