วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หลังจากหลงทิศไปไกล กับการทำงานภายใต้การนำพาของรัฐมนตรีที่ชื่อ “ฉัตรชัย สาริกัลยะ” และ ปลัดเกษตรฯ “ธีรภัทร ประยูรสิทธิ”ที่ต้องบอกว่าแทบจะไม่ต่างกัน สัปดาห์นี้ต้องจับตามองกันอีกครั้งว่า ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” จะเลือกม้าใช้งานเป็นใครกันบ้างเพราะว่ากันว่า เรื่องนี้ถือเป็นหมากสุดท้าย ทั้งคนเลือกม้า และคนขี่ม้า ว่าจะนำพาม้าทั้งหมดเข้าเส้นชัยอย่างไร ให้งานของกระทรวงเกษตรฯ ขับเคลื่อนไปได้ตามเป้าประสงค์ ที่นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” อยากให้เป็น
ครั้งนี้ว่ากันตรงๆ บอกกันซื่อๆ ก็คือ กระทรวงเกษตรฯ แทบจะต้องจัดกระบวนการทำงานของผู้นำเกษตรฯ ระดับหัวใหม่ เพราะว่ามีการเกษียณอายุราชการของข้าราชการระดับ 10 ครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของกระทรวงฯ ที่แทบไม่ต้องมีใครต้องเจ็บหนักเพราะว่ากันว่า ครานี มีผู้เฒ่าระดับ 10 ต้องหมดวาระลงจากการหมดอายุราชการ ถึง 13 ตำแหน่ง นั้นหมายถึงท่านรัฐมนตรีมีสิทธิ์เลือกม้าใช้งาน ครั้งเดียวถึง 13 ตำแหน่ง ซึ่งงานนี้บอกถึงกึ๋น รมว.เกษตรฯ ว่าท่านแม่นแค่ไหนในการคัดเลือก เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมาท่านย้ำนักย้ำหนาว่า ไม่พลาด เพราะเล็งม้างานมานาน และเก็บไว้ในใจมาตลอด คราวนี้ก็จะได้เห็นกัน และไม่แก้ตัวว่าพิมพ์ประวัติไม่ทัน ซึ่งคงเลี่ยงยาก หากการขับเคลื่อนงานด้านการพัฒนาการเกษตรฯแผนใหม่ไม่เป็นตามเป้าประสงค์ ไม่มีอะไรดีขึ้น ว่าไม่ได้เกิดจากตนเองเพราะทุกอย่างท่านเลือกมากับมือ แถมยังมีข่าวแว่วๆ ว่าอาจนำพาไปสู่การปรับในหน่วยงานที่ไม่เข้าตาตามมาอีกหลายกรมเสียด้วย....คงได้เห็นกันว่าการจัดกระบวนทัพใหม่ จะมีผลงานอะไรใหม่ มาขับเคลื่อนให้ประชาชนรู้จักรัฐมนตรี ที่ชื่อ “ฉัตรชัย” มากขึ้นมาลุ้นไปด้วยกันสัปดาห์นี้
มาอีกเรื่องที่เป็นงานโชว์ มีเรื่องเล่าว่า สัปดาห์นี้ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย”จะนำเสนอผลงานเล็กๆ ของกระทรวงฯซึ่งเป็นตัวอย่างและอาจนำไปสู่การจัดกระบวนการจัดทัพใหม่ของการผลิตสินค้าเกษตร ให้นายกรัฐมนตรีได้เห็นเป็นตัวอย่างบางตอนนั้นคือ เรื่องของตัวอย่างแปลงใหญ่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่กำลังมุ่งหน้าขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ในเบื้องแรกว่ากันว่า มีทั้งเรื่องแปลงใหญ่ข้าว มันสำปะหลังแบบน้ำหยด ที่ไม่ใช่จะปลูกเฉพาะมัน ให้มันเล่นเป็นช่วงๆ เพราะราคาขึ้นลง ตกต่ำ แต่มันคือการจัดกระบวนการผลิตที่เป็นระบบ ตั้งแต่เริ่มต้นที่มีผู้จัดการแปลงเข้าไปดูแลชัดเจน และกรมต่างๆ ก็จะเข้าไปหนุนนำส่งเสริมรวมทั้งวางแผนการตลาดสร้างรายให้เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน โดยแปลงใหญ่ จะเน้นรวมเกษตรกรรายย่อย ที่ต่างคนต่างทำแล้วย่อยยับในอดีตที่มีปัญหาราคาสินค้าเกษตรกรตกต่ำ ให้หันมารวมกันผลิต ในลักษณะรวมกลุ่มร่วมคิดร่วมสร้างร่วมวางแผน แถมยังมีการปรับเปลี่ยน ปลูกพืชอื่นเสริมตามความเหมาะสม เพื่อสร้างรายได้ ระยะสั้นก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตทั้งหมด นั้นหมายถึงจะมีทั้ง ด้านปศุสัตว์ ด้านประมง ด้านพืช
งานนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี คงได้เห็นว่ากระทรวงเกษตรฯ เขามีทางออกกับปัญหาภาคเกษตรแค่ไหน และที่สำคัญยังแว่วว่า เรื่องนี้ท่านรัฐมนตรี “ฉัตรชัย” จริงจังมากมายที่จะขับเคลื่อนเรื่องแปลงใหญ่ ให้เห็นเป็นผลงานให้ได้ เพราะคนที่ขับเคลื่อนเรื่องแปลงใหญ่ ที่กำลังจะเกษียณท่าน “ฉัตรชัย” แอบชักชวนมานั่ง เป็นรมช.เกษตรฯ เสียด้วย หากเป็นจริงดังนั้นจากนี้ไปคงได้เห็นท่าน “โอฬาร พิทักษ์” เดินเท้าบวมเพราะบุญหล่นทับแน่ๆ ยังไงหากจริงใจแก้ปัญหา ขอให้เดินหน้า เกษตรกรจะได้ลืมตาอ้าปากได้เสียที ไม่ใช่อ้าปากตาค้างเพราะเครียดจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำเพราะยิ่งทำยิ่งจนเหมือนที่ผ่านมา นะขอรับ
‘ราชดำเนิน’
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี