2 ก.ย.59 ที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ถ.ทุ่งมังกร เมื่อเวลา 12.30 น. นายฉัตรวัตร หรือ โจ้ รัตนวงศ์ อายุ 30 ปี ,นายปราชญ์ หรือ เบส บัวภา อายุ 23 ปี ,นายสรรพภพ หรือ อติรุจ หรือ บอส เชย สุวรรณ อายุ 29 ปี และนายปาฏิหาริย์ หรือ ปั๊บ เพ็งสุข อายุ 22 ปี นักแสดงจากซีรีส์ “เจ้าเวหา” พร้อมนายอดิศักดิ พระโคตร ทนายความ เดินทางมาเป็นโจทก์ฟ้องยื่นฟ้อง บริษัท บลูริบบอน แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด นายวินัย เยี่ยมประเสริฐ และนางวิไล เยี่ยมประเสริฐ สามีภรรยา ทั้งสองเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ร่วมกันเป็นจำเลย ที่ 1 - 3 เรื่องผิดสัญญา เรียกค่าเสียหายจำนวน 472,503 บาท โดยนักแสดงหนุ่มทั้งสี่ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า

เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2558 จำเลยทั้งสามซึ่งประกอบธุรกิจคนกลางหานักแสดงร่วมกันว่าจ้างให้โจทก์ทั้งสี่ แสดงละครเรื่องเจ้าเวหา ตอนน้ำจรดฝั่งฟ้า โดยได้รับบทแสดงต่างๆ และค่าตัวแตกต่างกัน ซึ่งละครถ่ายเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ 25 พ.ค.59 ออกอากาศทางช่อง True4U ซึ่งตามสัญญาค่าจ้างแสดงพวกจำเลยจะจ่ายให้โจทก์ร้อยละ 70 ของเงินค่าจ้างทั้งหมด พวกโจทก์จึงได้ทวงถามเงินค่าจ้าง แต่พวกจำเลยผัดผ่อนเรื่อยมา อ้างว่า ยังไม่ได้รับเงินจากบริษัท หกหนุมาน จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดละครเรื่องนี้ เมื่อโจทก์สอบถามไปยังบริษัท หกหนุมานฯ ก็ได้รับแจ้งว่า จ่ายเงินค่าแสดงของโจทก์ทั้งหมดผ่านบริษัทฯ จำเลยจนครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว เมื่อโจทก์ทวงถามพวกจำเลยยังคงเพิกเฉยอีก การกระทำของพวกจำเลยทำให้โจทก์ทั้งสี่ได้รับความเสียหาย โจทก์จึงขอให้ศาลมีคำพิพากษา หรือบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวน 472,503 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ของเงินต้นแก่โจทก์ทั้งสี่ด้วย ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีดำ พ.1424/2559 และนัดพิจารณาวันที่ 7 พ.ย.นี้ เวลา 09.00  น. 

โดยภายหลังยื่นฟ้องโจ้ ฉัตรวัตร หนึ่งในกลุ่มนักแสดงละคร เรื่อง เจ้าเวหา กล่าวว่า ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินค่าตัวเลย ทั้งที่ทวงถามกับบริษัท บลูริบบอนฯ มาหลายครั้ง ซึ่งก็ได้รับการชี้แจงมากว่ากำลังดำเนินการอยู่และพยายามบ่ายเบี่ยง พวกตนจึงมอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเป็นการรักษาสิทธิ์ เพราะเป็นรายได้ที่ได้จากการทำงาน และขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา นักแสดงชายทั้งสี่ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานหากบริษัท บลูริบบอนฯ ยินยอมชำระเงินค่าตัวให้ก็จะถอนแจ้งความ แต่หากยังคงเพิกเฉยก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด