แตกใบอ่อน : ‘เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทย’ อยู่อย่างไรให้รอด

แตกใบอ่อน : ‘เศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทย’ อยู่อย่างไรให้รอด

วันพฤหัสบดี ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559, 06.00 น.

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าเราลองสังเกตกันดูดีๆจะเห็นว่า มี “กูรู” เศรษฐกิจในประเทศจำนวนไม่น้อย ได้พยายามออกมาเตือนคนไทยให้ระมัดระวังความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ไม่เพียงต้องเผชิญกับปัญหาการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดโลกแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ มากมาย อาทิ ต้นทุนการผลิต การควบคุมคุณภาพ และภัยธรรมชาติ ที่ล้วนแต่ส่งผลให้เกษตรกรทุกคนจำเป็นต้องปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อความอยู่รอดและความมั่นคงในอาชีพ

“แตกใบอ่อน” สัปดาห์นี้ จึงขออนุญาตนำเสนอบทความพิเศษจาก “มนตรี บุญจรัส” ประธานชมรมเกษตรปลอดสารพิษ มาให้พิจารณา เผื่อจะช่วยย้ำเตือนให้เห็นถึงทางเลือกทางรอดในท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งคุณมนตรีแกว่าไว้อย่างนี้ครับ


นับจากนี้ไปเราคงต้องหันกลับมาทบทวนเกี่ยวกับเรื่องของพลังงาน โดยเฉพาะเรื่อง “น้ำมัน” กันอีกรอบ หลังจากที่ถูกให้ปักใจเชื่อว่ามันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่จะต้องหมดไปในระยะเวลาอันสั้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกในอดีตต่างใช้น้ำมันกันแบบจำกัด บ้างก็กักตุนสำรองล่วงหน้ากันเป็นราย 5 ปี หรือ 10 ปีกันเลยทีเดียว ตามแต่งบประมาณของแต่ละประเทศจะเอื้ออำนวย เพราะว่ากันว่า “พลังงานจากซากฟอสซิล” “ทองคำดำ” นั้นมันจะหมดโลกไปจริงๆ

ราคาน้ำมันในห้วงช่วงที่เศรษฐกิจจีนร้อนแรง ปาเข้าไป 100-120 เหรียญต่อบาร์เรล แต่พอมีการขุดค้นพบแหล่งน้ำมันใหม่เพิ่มขึ้น โดยสหรัฐอเมริกา (เชลล์แก๊ส) จากชั้นใต้หินดินดานออกมาใช้มากขึ้นๆ จนปัจจุบันนั้นมีความคุ้มค่าต่อต้นทุนการผลิต ราคาก็ต่ำกว่าการนำเข้าจากกลุ่มโอเปกแถบตะวันออกกลาง แถมเป็นการทำให้คู่แข่งอย่างรัสเซียที่มีรายได้จากการขายก๊าซและพลังงานเป็นหลักมีรายได้ลดลง จากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดน้อยถอยลงเหลืองเพียง 25-30 เหรียญต่อบาร์เรลในขณะนี้ หลายสิ่งหลายอย่างจึงแปรเปลี่ยนไป

ความต้องการน้ำมันที่น้อยลงโดยจีนเป็นผู้นำ เพราะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัว ไม่ร้อนแรงหวือหวาเหมือนช่วงที่กำลังเร่งเครื่องปั๊มตัวเลขทางเศรษฐกิจให้โตแบบก้าวกระโดด ปัจจัยพื้นฐานทั้ง ข้าว อ้อย ปาล์ม ยางพารา แร่ธาตุ พลังงาน ก๊าซ น้ำมัน จีนก็ค่อยๆนำเข้าน้อยลง ผนวกกับเศรษฐกิจยุโรป อเมริกาก็แย่พอๆ กัน ซ้ำเติมให้ความต้องการใช้น้ำมันจึงยิ่งน้อยลงไปอีก

ความต้องการใช้น้ำมันน้อยลง และแหล่งผลิตน้ำมันมีเพิ่มมากขึ้นโดยอเมริกา ราคาน้ำมันโลกจึงถดถอย พ่อค้าขายน้ำมันแถบตะวันออกกลางที่เคยร่ำรวยก็ยากจนลง เคยล่ำซำจากการขายน้ำมันที่ 100-120 เหรียญต่อบาร์เรล เหลือ 25-30 เหรียญต่อบาร์เรล นึกภาพตามนะครับว่า ปกติเราเคยมีรายได้วันละ 100 บาท แล้วจู่ลดลงเหลือเพียงวันละ 25-30 บาท เราจะกินอยู่อย่างฟุ่มเฟือยอีกได้หรือไม่ ในเมื่อไม่ได้ประเทศที่ร่ำรวยจากการขายน้ำมันก็หยุดนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ นานา ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากฝั่งบ้านเรา ทำให้ราคาสินค้าโดยเฉพาะภาคการเกษตรทรุดตัวลงต่ำดังที่เห็น จะปิดประเทศก็ใช่ที่ ขนาดจีน เมียนมา ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องเปิดประเทศสร้าง 1 ประเทศ 2 ระบบ มีแมวดำ แมวขาว ที่จับหนูเป็นให้เห็นมาก็หลายปีแล้ว จนประเทศจีนเกือบจะแซงอเมริกาด้วยซ้ำในด้านเศรษฐกิจ ขนาดเปิดประเทศได้เพียงไม่กี่ปี เมียนมาเองก็กำลังตามมาติดๆเช่นเดียวกัน

ในเมื่อโลกภายนอกเราก็ต้องฝ่า โลกภายในก็ต้องสู้ จึงไม่ควรอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ รีบนำศาสตร์ของพระราชา “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” มาปรับใช้ ด้วยการทำโซนพอเพียงให้แก่ตนเอง เอาไว้สร้างความสุขในทุกวินาทีที่มีลมหายใจ ในโซนพื้นที่พอเพียงสัก 1 ไร่ (จะมี 100 ไร่ 1,000 ไร่ไม่สำคัญของเพียง 1 ไร่) มีนาข้าว 30% มีสระน้ำ 30% มีป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง 30% มีที่พักอาศัยอีก 10% หิวก็กินข้าว กินผักผลไม้ที่ปลูก กินไข่ กินไก่ กินปลา กุ้งฝอย ฯลฯ โดยไม่ต้องใช้เงิน เมื่อมีพื้นฐานที่แข็งแรงแล้ว ค่อยทำเกษตรเชิงเดี่ยวตามนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมให้ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปาล์ม ข้าวโพด ฯลฯ ว่ากันไปตามนโยบาย แต่หากพลาดพลั้งเราก็ยังมีโซนพอเพียงนี้ เพราะโซนนี้เป็นพื้นที่ที่มีความสุขทุกวินาทีได้โดยไม่ต้องใช้เงิน

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น สำหรับท่านผู้อ่านที่มีข้องุนงงสงสัย ต้องการสอบถามหรือขอคำปรึกษา ก็สามารถยกหูไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลข 0-2986-1680-2 ด้วยตัวเองที่ชมรมเกษตรปลอดสารพิษได้โดยตรงครับ

มะลิลา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top