วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สั่ง13เขตเมืองกรุงรับมือ
“น้ำเหนือ”ถล่ม
เตรียมช่วยปชช.นอกแนวกั้น
เกษตรฯจ่อปล่อยนาข้าวจม
3ทุ่ง“ป่าโมก-ผักไห่-บางบาล”
ชงชดเชยฉุกเฉินไร่ละ5.7พัน
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงมาตรการการรับมือปัญหาอุทกภัยในปีนี้ว่า ปีนี้น้ำมีปริมาณมากจริงๆทั้งเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนพระราม 6 แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เตรียมมาตรการรองรับทั้งการผันน้ำ และการเก็บกักน้ำไว้แล้ว
เกษตรจ่อปล่อยน้ำท่วมนาข้าว3ทุ่ง
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 11 ตุลาคม กระทรวงเกษตรฯเตรียมเสนอความเห็นชอบมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมในพื้นที่เกษตรที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเตรียมแผนสำรองกรณีฉุกเฉิน หากต้องผันน้ำเข้าพื้นที่เกษตร ที่เพาะปลูกข้าวและรอการเก็บเกี่ยวใช้เป็นแก้มลิงกักเก็บน้ำ 3,000 กว่าไร่ ใน 3 ทุ่งคือทุ่งบางบาล ทุ่งผักไห่ จ.อยุธยา และทุ่งป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จะจ่ายเงินชดเชยใช้งบกลางจะเสนอครม.ให้รับหลักการ
ชงครม.ชดเชยฉุกเฉินไร่ละ5พัน
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับมาตรการฉุกเฉินที่ รมว.เกษตรฯ เตรียมเสนอเข้า ครม. คือ หากเห็นว่าสถานการณ์น้ำมีความจำเป็นต้องผันน้ำเข้า 3 ทุ่ง ได้แก่ ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ และทุ่งบางบาล ที่เป็นพื้นที่ยังไม่เก็บเกี่ยว ก็จะให้รัฐจ่ายค่าชดเชยไร่ละ 5,760 บาท มีเกณฑ์คิดจากต้นทุน การผลิตข้าวภาคกลางเฉลี่ยไร่ละ 4,800 บาท และค่าเสียโอกาสที่เกษตรกรควรได้รับ ร้อยละ 20 หรือไร่ละ 960 บาท รวมวงเงินชดเชย 20,488,320 บาท โดยพื้นที่รอการเก็บเกี่ยว ทุ่งป่าโมก มี 96 ไร่ ทุ่งผักไห่ 1,436 ไร่ และทุ่งบางบาล 2,025 ไร่ รวม 3,557ไร่
กรมชลยันเร่งระบายลงทะเลก่อน
ด้าน นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่าไม่ผันน้ำเข้าทุ่งพื้นที่เกษตรอยู่ในคันกั้นน้ำโดยเด็ดขาด โดยจะบริหารน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในระดับ 2,300ลบ.ม.ต่อวินาที จะใช้เวลา 4วัน ระบายน้ำเหนือออกทะเล ไม่ทำให้กระทบ กทม.นนทบุรีและปทุมธานี แต่หากฉุกเฉินน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาถึงจุดวิกฤติเกินระดับ 2,800 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงจะผันเข้า3ทุ่ง ตอนนี้อากาศทางเหนือเริ่มหนาว ฝนลดลง ปริมาณน้ำ ที่นครสวรรค์ เริ่มทรงตัวและมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหา ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังต้องเฝ้าระวังอยู่จะพยายามให้น้ำไม่ท่วมริมตลิ่ง ส่วนน้ำทะเลหนุนสูงช่วงวันที่18-19 ตุลาคมนี้จะไม่มีผลต่อกทม.
ปภ.แจ้ง10จว.รับมือน้ำล้นตลิ่ง
ด้าน นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)กล่าวว่าหลังได้รับทราบสถานการณ์น้ำจากกรมชลประทานว่าระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา มีแนวโน้มสูงขึ้นเกินกว่าระดับเก็บกักปกติ ไม่สามารถเพิ่มการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งด้านฝั่งตะวันตกและตะวันออกเต็มศักยภาพได้ จึงต้องเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา เพิ่มเป็น2,300ลบ.ม.ต่อวินาทีส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น25-75เซนติเมตร อีกทั้ง กรมชลประทานเพิ่มระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่วันที่9 ตุลาคม เป็นวันละ60ล้านลบ.ม.ส่งน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์และควบคุมน้ำไหลผ่านเขื่อนพระราม 6 อัตราวันละ 60ล้าน ลบ.ม.หรือ700 ลบ.ม.ต่อวินาที
ปภ.จึงได้ประสาน10จังหวัดภาคกลาง ได้แก่อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม และสมุทรสาคร เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่ง และให้เจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง
สรรพยา6ต.จม แห่จองริมถนน
สถานการณ์น้ำใน อ.สรรพยา จ.ชัยนาท หลังเขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำเพิ่ม ลงท้ายเขื่อน อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ส่งผลมีพื้นที่ที่ถูกน้ำเข้าท่วมในพื้นที่ 6 ตำบลได้แก่ ต.ตลุก ต.หาดอาษา ต.โพนงดำออก ต.โพนางดำตก ต.บางหลวง และต.โพธิ์พิทักษ์ มีประชาชนเดือดร้อนจมอยู่ใต้น้ำมากกว่า 300 หลังคาเรือน ทางราชการ เร่งให้ความช่วยเหลือ โดยประชาชน ต.โพนางดำออก ที่บ้านถูกน้ำท่วมได้มาจับจอง พื้นที่ริมถนนเลียบคันคลองมหาราช ทำเพิงพักชั่วคราวเตรียมอพยพมาอยู่บนที่สูง เพราะไม่มั่นใจว่า แม่น้ำเจ้าพระยา จะเอ่อขึ้นสูงและจะรุนแรงเพียงใด
อ่างทองน้ำล้นขนของ/บ้านทรุด
สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ จ.อ่างทอง ระดับน้ำเจ้าพระยาบริเวณหน้าศาลกลางจังหวัดฯ ทั้งสองฝั่งในเขตเทศบาลเมืองอ่างทองอยู่ระดับตลิ่ง เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองอ่างทอง เร่งเสริมกระสอบทรายจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันน้ำเอ่อล้นเข้าเขตเศรษฐกิจและศูนย์ราชการ ส่วนพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก มีน้ำท่วมขังนานร่วมเดือน นายสมนึก อสุนีย์ อายุ 55 ปี พ่อค้าร้านขายของชำ ต.โผงเผง น้ำเข้าท่วมในร้านค้าสูงกว่า30เซนติเมตรได้ย้ายสิ่งของที่นำมาขายไว้บนที่สูง จะทำแพเพื่อนำของวางขายสู้กับน้ำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีบ้านริมตลิ่งเจ้าพระยาได้รับผลกระทบซึ่งบ้านนางสาวลักษณา เม่นทอง อายุ 45 ปี ต.ราชสถิตย์ อ.ไชโย เกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ บริเวณเสาบ้านเชื่อมต่อกับคานเกิดทรุดตัวจะพังลงน้ำ
กรุงเก่า3อ.อ่วม/ปทุมฯเร่งดันน้ำ
สถานการณ์น้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะอ.บางบาล หลายพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมและพื้นที่การเกษตร ยังได้รับความเสียหายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งวัดที่อยู่ริมแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น วัดนกกระจาบ ต.วัดมะยม ขณะที่อ.บางไทร และอ.เสนา ยังมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นและพื้นที่การเกษตรยังเสียหายเพิ่ม
ขณะที่ นายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจประตูระบายน้ำจุฬาลงกรณ์ โดยได้นำเรือผลักดันน้ำ 6 ลำ เร่งระบายน้ำในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นการพร่องน้ำ เพื่อรับน้ำจากเขื่อนป่าสักฯที่ระบายผ่านคลองระพีพัฒน์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ร่วมเก็บผักตบชวา วัชพืชและเศษขยะเพื่อให้น้ำระบายได้รวดเร็วขึ้น
ผู้ว่าฯนนท์แจ้งทุกอ.รับน้ำเหนือ
นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ได้ส่งหนังสือด่วนถึงนายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ให้ประสานเรื่องถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่จ.นนทบุรี ทุกครัวเรือน ให้เฝ้าระวัง เตรียมการให้พร้อมที่สุด ยกของยกทรัพย์สินขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัย หลังกรมชลประทาน แจ้งเตือนว่ายังมีฝนตกหนักต่อเนื่อง หลังเขื่อนป่าสักฯอีกรวมถึง ถ้าไม่เพิ่มการระบายน้ำ คาดว่าจะมีน้ำเต็มเขื่อน ในวันที่ 11 ตุลาคม ทำให้เป็นที่ไม่น่าไว้วางใจ คาดว่ามวลน้ำก้อนนี้จะถึง จ.นนทบุรีในไม่ช้าจึงขอให้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ผู้ว่าฯลพบุรีแก้ข้อพิพาท2ตำบล
นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมชลประทาน ปภ.จังหวัดและทหารหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ลงพื้นที่ประตูน้ำลำโพนทอง หมู่ที่ 6 ต.หนองทรายขาว อ.บ้านหมี่ หลังมีข้อพิพากของ ชาวบ้าน 2 ตำบล คือ ต.หนองทรายขาว กับ ต.พุคา ที่ขัดแย้งการระบายน้ำเข้าทุ่ง โดยชาวหนองทรายขาวต้องการให้เปิดประตูน้ำลำโพนทองเพื่อไม่ให้น้ำท่วมบ้านและนาข้าว ส่วนชาวพุคาขอให้เปิดประตู ไม่สูงมาก และให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำลงคลองชัยนาท-ป่าสักแทน อีกฝ่ายไม่ยินยอมแต่มีมือดีไปอ๊อกเชื่อมประตูน้ำลำโพนทองจนปิด-เปิดไม่ได้จนน้ำไหลทะลักท่วมพื้นที่นาข้าว ต.พุคากว่า3,000ไร่ที่ออกรวง รอการเก็บเกี่ยวอีก 20วัน
และในที่สุด ผู้ว่าฯลพบุรี สั่งให้ชลประทานเร่งซ่อม ลดประตูน้ำลงให้เหลือ30เซ็นติเมตรและให้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำในคลองลำโพนทอง ลงสู่คลองชัยนาท-ป่าสัก แทน ลดความสูญเสียของนาข้าวงทั้ง 2 ตำบล พร้อมเร่งหาคนที่มาอ๊อกเชื่อมปิดประตูน้ำลำโพนทองด้วยเพราะมีความผิดทางกฎหมาย ทำลายทรัพย์สินทางราชการ
รถเก๋งโดนน้ำล้นฝายพัดจม
เช้าวันเดียวกัน ร.ต.อ.ภาณุวัฒน์ อารีย์ รอง สวป.สภ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งนายบุญธรรม บุญเจริญ ผู้ใหญ่บ้านบ้านยางกุด หมู่ที่ 5 ต.หมากเขียบ อ.เมืองศรีสะเกษว่า พบรถยนต์จมน้ำอยู่ที่ฝายน้ำล้นบ้านยางกุดจึงรีบไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ เป็นฝายน้ำล้นกั้นลำห้วยคล้าสันฝายยาวประมาณ100 เมตรน้ำลึกกว่า2 เมตรบนสันฝาย มีน้ำไหลผ่านแรง พบเพียงหลังคารถสีเขียวโผล่จากน้ำขึ้น จึงประสานรถยกเพื่อยกขึ้นจากน้ำ พบเป็นรถเก๋งขนาดเล็ก ยี่ห้อไดฮัทสุ รุ่นมิร่าสีเขียว ทะเบียน กค3703 ศรีสะเกษ ภายในรถไม่พบผู้ติดอยู่ภายในซึงกระจกรถเปิดออกทุกด้าน
สอบถามนายบุญธรรม ให้การว่าช่วงนี้มีน้ำมากไหลท่วมสันฝายระดับสูงไม่มีใครกล้าข้ามไปมาทั้งรถเล็กรถใหญ่ รถคันนี้คาดคนขับจะขับผ่านตอนช่วงกลางดึก ช่วงเช้าลูกบ้านเห็นหลังคารถโผล่จึงมาแจ้งให้ทราบและแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ คาดว่าเจ้าของรถพยายามขับรถข้ามฝายไปอีกฝั่งแต่กระแสน้ำไหลแรงอีกทั้งรถคันเล็กมีน้ำหนักเบาจึงถูกน้ำพัดตกลงจมท้ายฝาย
กทม.สั่ง13เขตรับน้ำเหนือ
ขณะที่ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะผู้บริหารกทม.ว่า สำนักการระบายน้ำรายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ต่างๆของกทม.หลังกรมชลประทานแจ้งเตือนว่าจะเพิ่มปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาเป็น 2,300 ลบ.ม.ต่อวินาที และเขื่อนพระราม 6 เป็น 700 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงไหลผ่านกทม.สูงขึ้น ซึ่งกทม.เตรียมรับมือน้ำเหนือ โดยก่อสร้างพนังกั้นน้ำรอบแม่น้ำเจ้าพระยา สามารถรับมือกับน้ำเหนือได้ถึง 3,500 ลบ.ม. เมื่อเทียบปริมาณน้ำเมื่อปี2554 ยังไม่น่าห่วง มีปริมาณน้อยกว่า แต่มีจุดอ่อนอยู่ที่ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ เป็นจุดฟันหลอ แต่กทม.เตรียมกระสอบทรายสูง 2 เมตร ป้องกันน้ำท่วม อาจเพิ่มเป็น 3 เมตร จึงสั่งการให้สำนักการระบายน้ำและ 13 สำนักงานเขตที่มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาจัดเตรียมกำลัง เจ้าหน้าที่ ช่วยเหลือประชาชนกรณีฉุกเฉินต่างๆและเตรียมช่วยเหลือประชาชนนอกแนวกั้นเขื่อน พร้อมจัดทำแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์ขั้นวิกฤตเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนตามที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยสั่งการเรียบร้อยแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี