1 พ.ย.59 ชมรมขับเคลื่อนวิชาการเพื่อวิจัยความสุขชุมชน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (Super Poll) เปิดเผยผลสำรวจในหัวข้อ “โพล กฎหมายเมาแล้วขับ” สำรวจประชาชนกลุ่มตัวอย่าง 1,004 คน ระหว่างวันที่ 11-31 ต.ค. 2559 ซึ่งกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.4 ตอบว่า การดื่มแล้วขับเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุด รองลงมาเป็นการใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ร้อยละ 59.1 อันดับ 3 ออกจากซอยโดยไม่หยุดรถ ร้อยละ 53.5 อันดับ 4 ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ร้อยละ 46.2 และอันดับ 5 ไม่ให้สัญญาณไฟเมื่อเปลี่ยนช่องจราจร ร้อยละ 43.4

เมื่อถามต่อไปว่า เห็นด้วยหรือไม่กับแนวคิดการให้ผู้ที่นั่งไปกับผู้ขับขี่ยานพาหนะที่เมาสุรามีความผิดด้วย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.5 เห็นด้วย ส่วนร้อยละ 29.5 ไม่เห็นด้วย เช่นเดียวกัน ผู้ที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงผู้จัดงานเลี้ยงต่างๆ ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จนนำไปสู่การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะ ควรมีความผิดด้วยหรือไม่? กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เห็นด้วยกับทั้ง 2 ข้อ โดยร้อยละ 60.4 เห็นด้วยกับการเอาผิดคนขาย และร้อยละ 54.4 เห็นด้วยกับการเอาผิดคนจัดงาน ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 39.6 กรณีคนขาย และ 45.6 กรณีคนจัดงาน

นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 79.9 เสนอให้รัฐบาลคงมาตรการ “เมาขับจับยึดรถ” ต่อเนื่องตลอดทั้งปี ร้อยละ 86.7 เสนอให้แพทย์สามารถตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้โดยไม่ต้องมีคำร้องขอจากตำรวจ และร้อยละ 89 เสนอให้เพิ่มโทษคนดื่มแล้วขับเทียบเท่ากฎหมายความผิดในคดียาเสพติดให้โทษ

ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) ให้ความเห็นว่า ผลสำรวจนี้เป็นนิมิตหมายอันดีในการทบทวนกฎหมายเมาแล้วขับ โดยเฉพาะการเพิ่มโทษผู้ส่งเสริมให้ดื่มและผู้ที่นั่งมาด้วย แต่เป็นห่วงว่าจะมีข้อจำกัดในการบังคับใช้กฎหมาย จึงขอให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนนอย่างแท้จริง

ส่วนความเห็นที่สนับสนุนให้แพทย์มีอำนาจตรวจปริมาณแอลกอฮอล์โดยไม่ต้องรอให้ตำรวจร้องขอ ชี้ให้เห็นว่าเมื่อเกิดอุบัติเหตุตำรวจไม่ได้วัดแอลกอฮอล์คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายอย่างครอบคลุม แต่ส่งตัวไปโรงพยาบาลทันที สังคมจึงเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม