11 พ.ย. 59 เมื่อเวลา  13.00  น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายสถิต วิทิตยนตรการ นายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ว่า นางประหยัด แจ่มแจ้ง อายุ 50 ปี พร้อมครอบครัว ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 8 บ้านหนองสำโรงปัจจิม หมู่ 7 ต.เสียว อ.โพธิ์ศรีสุวรณ จ.ศรีสะเกษ มีความประสงค์จะบริจาคข้าวในที่นาที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว จำนวน 15 ไร่ เพื่อนำไปสีเป็นข้าวสารส่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ไปร่วมแสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

โดย นางประหยัด กล่าวว่า ตนและครอบครัวได้ดูข่าวเห็นมีประชาชนไปร่วมแสดความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชแต่ละวันจำนวนมาก จึงได้ปรึกษากันในครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่คือนางมี แจ่มแจ้ง อายุ 79  ปี ซึ่งได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระองค์มาโดยตลอด โดยเฉพาะการที่เห็นพระองค์ได้เสด็จฯไปช่วยเหลือประชาชนทุกหนแห่ง  ที่สำคัญท่านยังคอยช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุให้เงินทุกเดือนด้วย ด้วยความดีของพระองค์ท่าน ตนและลูกๆ จึงได้ขอทำความดีโดยการบริจาคข้าวในนาที่ยังไม่เก็บเกี่ยว จากจำนวน  15  ไร่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลต่อไป

ด้านนางประหยัด ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมีที่นาจำนวน 15 ไร่ ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ทั้งหมด ซึ่งหลังตน ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน นำเรื่องไปเรียนให้นายอำเภอทราบ ตนได้มาแจ้งให้คุณแม่รับทราบ คุณแม่ดีใจมาก ตนเห็นน้ำตาแม่ไหลรินด้วยความปลาบปลื้มใจ ตนก็รู้สึกอิ่มเอิบใจและร้องให้ไปด้วย 

ด้านนายอำเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ  กล่าวว่าหลังรับทราบข่าว ตนในฐานะนายอำเภอก็รู้สึกเป็นปิติและปลาบปลื้มแทนคนไทยทั้งประเทศ ที่ได้เห็นครอบครัวคุณยายมอบข้าวถวายเป็นพระราชกุศลในครั้งนี้ นับเป็นตัวอย่างที่ดีและมีค่ายิ่ง เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรัก ความสามัคคี และร่วมกันดำเนินกิจกรรมตามรอยพ่อ จึงได้รายงานเรื่องดังกล่าวไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ทราบพร้อมได้เรียนเรียนเชิญ ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมเป็นประธานในพิธีลงแขกเกี่ยวข้าว ในวันที่ 15 พ.ย. 59 นี้ โดยทางอำเภอได้เรียนเชิญทุกหน่วยงานในอำเภอ ขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยทหารในพื้นที่ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ร่วมกันเกี่ยวข้าว ก่อนจะนำไปแปรรูปเป็นข้าวสาร จากนั้นจะนำไปส่งมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประกอบเลี้ยงประชาชนที่มาร่วมพิธีถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ท้องสนามหลวง ต่อไป