11 พ.ย.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.15 น.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ตอนหนึ่งว่า เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายปัญหาของประเทศมีต้นตอมาจากระบบการศึกษา และกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งเราต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ จำเป็นต้องปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ รัฐบาลนี้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โดยให้ชุมชนที่โรงเรียนตั้งอยู่ได้มีการปรึกษาหารือกัน เพื่อกำหนดโรงเรียนดีใกล้บ้าน หรือโรงเรียนแม่เหล็ก สำหรับเป็นโรงเรียนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ให้มีคุณภาพการศึกษาที่ดี และได้มาตรฐาน มีสัดส่วนครูที่เหมาะสม มีสื่อการเรียนรู้ ห้องเรียน สนามกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สมบูรณ์ ส่วนโรงเรียนที่ไม่มีนักเรียนแล้ว จะให้ชุมชนตัดสินใจในการใช้ประโยชน์ต่อไป อาจเป็นศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์ดูแลเด็กเล็ก หรือศูนย์ฝึกวิชาชีพสำหรับชุมชนต่อไป โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน
ซึ่งในห้วงที่ผ่านมา ดำเนินการไปแล้ว 286 โรงเรียน และจะดำเนินการในปีการศึกษาหน้าอีก 309 โรงเรียน ส่งผลให้มีครูเกือบ 2,000 คน ย้ายไปสอนในโรงเรียนดีใกล้บ้าน 310 โรงเรียน ซึ่งจากผลการประเมินทราบว่า เด็กนักเรียน และผู้ปกครองมีความสุขมากขึ้น มีความพึงพอใจ ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้ปกครองที่เข้าใจ และให้ความร่วมมือ โดยรัฐบาลจะดูแลให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับเด็กที่เรียนอยู่ในเมือง หรือในโรงเรียนขนาดใหญ่ ให้มีความเท่าเทียมกันในอนาคต
สำหรับโครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ ได้อาศัยหลักการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เด็กต้องสามารถวิเคราะห์ และปฏิบัติได้ ด้วยตนเอง เน้นความรับผิดชอบต่อสังคม มีคุณธรรม และจริยธรรม รวมทั้ง นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ และระบบ ICT เข้ามาสนับสนุน โดยน้อมนำแนวทางพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ว่า "เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไม่มีจิตใจ จะอบรมโดยใช้สื่อที่ก้าวหน้าที่มีเทคโนโลยีสูง แต่เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นเรื่องยากที่สุด ไม่มีอะไรทดแทนคนสอนคน และการอ่านจากหนังสือได้" แสดงให้เห็นว่า ครู - อาจารย์ มีความสำคัญในการที่จะสอนคนให้เป็นคน มีความรู้คู่คุณธรรม
นอกจากการพัฒนาครูแล้ว รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับผู้อำนวยการโรงเรียน - ผู้บริหารการศึกษาระดับต่างๆ รวมทั้งการมีส่วนร่วมของชุมชนในการที่จะร่วมกันพัฒนาการศึกษาในแต่ละท้องถิ่นของตนเอง
ทั้งนี้ กลไกประชารัฐมีผลกับการพัฒนาด้านการศึกษาพื้นฐาน ภายใต้โครงการ "คอนเน็ตอีดี" โดยจะขยายผลให้ครบ 7,424 โรงเรียน ในปี 2560 ให้เป็นโรงเรียนต้นแบบประชารัฐ โดยการทำงานร่วมกันของผู้นำรุ่นใหม่ กับผู้อำนวยการโรงเรียน โดย 12 องค์กรเอกชนที่ร่วมโครงการ จะพิจารณาสนับสนุนงบประมาณ โรงเรียนละ 5 แสน - 1 ล้านบาท เพื่อยกระดับการศึกษาสู่มาตรฐานสากล ซึ่งในอนาคตจะจัดตั้ง "กองทุนการศึกษาวิจัย" ในการเพิ่มศักยภาพการส่งเสริม และพัฒนาความเป็นเลิศในด้านการศึกษา การค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีแห่งอนาคตใน 4 ด้าน คือ Bio , Nano , Robotic และ Digital โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการสร้างนวัตกรรม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการศึกษาและวิจัย ในระดับภูมิภาค ให้สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในการผลิตแรงงานมีทักษะฝีมือ เพื่อป้อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งการขับเคลื่อน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยนวัตกรรมของประเทศไทยเอง
"ผมย้ำว่าทุกความสำเร็จในการพัฒนาประเทศนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ อย่างจริงจัง เพื่อสร้างอนาคตของประเทศ ด้วยการพัฒนาคุณภาพคนไทยทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา และมีความเท่าเทียมกัน ขอความร่วมมือจากครู นักเรียน และผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดด้วย" นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี