จากกรณีตลอดทั้งวันที่ 26 ธ.ค.60 ได้เกิดอุบัติเหตุหลายจุดในพื้นที่ จ.เลย รวมกว่า 30 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 30 คน สาเหตุเกิดจากน้ำยางพาราที่หกเรี่ยราดบนพื้นผิวถนนสะสมมาเป็นเวลานานนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ม.ค.61 ที่ห้องประชุมพรหมเลิศ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เลย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัด(ผวจ.) เลย เป็นประธานเปิดการประชุมการแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถขนยางพาราทำน้ำหกบนถนนใน จ.เลย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม
ผวจ.เลย กล่าวว่า หลังจากได้รับทราบสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ก็ได้เชิญทุกภาคส่วนเข้ามาหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหา เบื้องต้นได้ให้ฝ่ายเลขาปรับปรุงมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุจากรถบรรทุกขนย้ายยางก้อนถ้วย ตามคำสั่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ที่ 532/2558 เพื่อให้สอดล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมกำหนดโทษไว้ในประกาศจังหวัดด้วย และขอให้มีการประชุมทุกเดือน
“ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากต้นทาง เกษตรกรนำยางเปียกน้ำมาขาย จึงขอความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ช่วยบอกกล่าวชาวบ้านว่าก่อนนำยางก้อนถ้วยออกไปขาย ขอให้ตากให้แห้ง รวมถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านด้วย ซึ่งผมจะนำเรื่องนี้เข้าไปประเมินการเลื่อนขั้นเงินเดือน หรือให้ความดีความชอบด้วย หากท้องถิ่นท้องที่ใดให้ความร่วมมือดี ก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ” นายชัยวัฒน์ กล่าว
ด้านตัวแทนโรงงานยางแท่งของบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ ต.ปากปวน อ.วังสะพุง จ.เลย กล่าวว่า ทางโรงงานมีข้อกำหนดชัดเจน รถขนส่งยางก้อนถ้วยที่จะเข้าส่งสินค้าในโรงงาน จะต้องมีถังกักเก็บน้ำใต้ท้องรถ มีผ้าใบคลุม และรวมทั้งการตรวจสอบความชื้น หากทำผิดเงื่อนไขนี้ก็จะยกเลิกสัญญา ไม่รับซื้อ
ส่วนตัวแทนโรงงานบริษัทศรีตรัง อ.นาด้วง กล่าวว่า ทางบริษัทก็มีมาตรการกำหนดชัดเจน ไม่ให้ผู้ประกอบการขนส่งปล่อยน้ำยางลงพื้นถนน เมื่อมาถึงโรงงานทุกคันก็ทำตามระเบียบเรียบร้อยดี แต่ระหว่างขนส่งมานั้น ไม่ทราบว่าทำอย่างไร
ด้านผู้แทนการยางแห่งประเทศไทย จ.เลย กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็ได้รณรงค์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นยางก้อนแห้ง หรือยางแผ่น หรือขายน้ำยางดิบแทน ซึ่งมีบางส่วนให้ความร่วมมือดี แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงทำแบบเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้ถกเถียงถึงการกำหนดราคาระหว่างยางเปียกกับยางแห้งให้ต่างกัน เพื่อจูงใจให้เกษตรกรเลิกนำยางเปียกมาขาย ซึ่งผู้ประกอบการโรงงานรับซื้อรายใหญ่ทั้ง 2 แห่งก็พยายามตรวจสอบความชื้นอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถกำหนดราคาได้ เนื่องจากยางพาราทำกันทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม นายพรชัย ถมกระจ่าง รองผวจ.เลย ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุจากรถบรรทุกขนย้ายยางก้อนถ้วย จ.เลย ได้สรุปมติที่ประชุม มีแนวทางการปฎิบัติ 5 ประการ คือ 1.การออกประกาศวิธีการปฏิบัติเรื่องการขนส่งยางก้อนถ้วย ไม่ให้มีน้ำรั่วไหลลงพื้นที่ถนน 2.มอบหมายให้นายอำเภอนัดประชุมผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ทั้งหมด ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการรับซื้อ และผู้ขนส่งมาคุยกัน หาแนวทางปัองกันไม่ให้น้ำนยางไหลลงพื้นถนน หรือไหลให้น้อยที่สุด
3.การบังคับใช้กฏหมาย หน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบให้ดำเนินการอย่างจริงจัง เข้มข้น กำหนดโทษสูงสุดสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย จะไม่ใช่ปรับแค่ 500 บาท แล้วไปสร้างความเดือดร้อนต่อ อาจดำเนินคดีตามขั้นตอน แล้วมาประเมินผลใน 1 เดือนว่าสถิติอุบัติเหตุลดลงหรือไม่อย่างไร 4.ตั้งคณะทำงานขึ้นมา ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด มาตรวจสอบกระบวนขนส่งยางก้อนถ้วย เริ่มจากตัวเกษตรกร พ่อค้าคนกลาง ผู้ประกอบการขนส่ง และโรงงานผู้รับซื้อรายใหญ่ ว่ามีจุดใดบ้างที่เป็นช่องโหว่ที่ทำให้น้ำยางรั่วไหล แล้วเข้าไปแก้ปัญหา
5.เป็นแนวทางการแก้ปัญหาในระยะยาว คือ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การยางแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานเกษตรกรจังหวัดออกไปรณรงค์ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปรับเปลี่ยนไปทำยางแห้ง หรือยางแผ่น โดยมีราคาสูงกว่าราคายางเปียกเป็นเครื่องจูงใจ และให้เกษตรกรตระหนักว่า การทำยางเปียก และขนส่งออกไปขาย ทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้อื่นที่ใช้รถใช้ถนนอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ประธานที่ประชุมได้มอบหมายให้หัวหน้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ไปร่างบันทึกข้อตกลงระหว่างเกษตรกร หน่วยงานราชการ ตัวแทนผู้ประกอบการโรงงานรับซื้อยาง ตัวแทนผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อนำไปสู่การลงนามร่วมงานทุกภาคส่วนต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี