11 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.30 น. ที่บังกะโลร้าง ข้างเกาะกลางน้ำห้วยน้ำคำ ถนนเลี่ยงเมือง ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พ.ต.ท. ทองพูน ประกอบกิจ สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนและชุดปราบปราม นำตัวนายศุภวัฒน์ โสภา อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 4 ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ไปชี้ที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังจากถูกตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ นำหมายจับเข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านตัวเองในตัวอำเภออุทุมพรพิสัย ขณะทำแผนชี้ที่เกิดเหตุ ได้มีญาติของผู้ตายซึ่งยังโกรธแค้น ได้เข้าทำร้ายนายศุภวัฒน์จนล้มลง แต่ตำรวจได้กันญาติออกไปก่อน
สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 16 มีนาคม 2552 พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายในห้องพักบังกะโลริมน้ำ ติดกับเกาะกลางน้ำห้วยน้ำคำ ต.หนองครก อ.เมืองศรีสะเกษ ไปตรวจสอบที่ห้องพักหมายเลข 17 พบศพ น.ส.จิราภรณ์ มูลตระกุล อายุ 21 ปี นักศึกษาหลักสูตรครูพันธุ์ใหม่ คณะครุศาสตร์ เอกวิชานวัตกรรมและคอมศึกษา ชั้นปีที่ 2 ม.ราชภัฏอุบลราชธานี ถูกซุกซ่อนไว้ใต้เตียง สภาพศพถูกรัดคอจนเสียชีวิต มีธนบัตรฉบับละ 20 บาท ยัดใส่ไว้ในปาก คาดว่าฆาตกรทำไว้เพื่อเป็นการสะกดวิญญาณ
ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบังกะโล พบว่าก่อนพบศพนางสาวจิราภรณ์ เมื่อเวลา 15.00 น. มีชาย 2 คนเข้าไปเปิดห้องพักหมายเลข 17 ที่พบศพ โดยมีชายคนหนึ่งอยู่ในห้องส่วนอีกคนนั่งรออยู่ข้างนอก ต่อมามีผู้ตายขี่จักรยานยนต์เข้าไปจอดไว้หน้าห้องแล้วหายเข้าไปในห้อง จนกระทั่งใกล้หมดเวลา พนักงานของบังกะโลไปเรียกผู้พักได้ขอต่อเวลาถึงเที่ยงคืน ก่อนที่ผู้ชายจะหายออกไปทั้ง 2 คน จนเวลา 23.30 น. วันเดียวกันพนักงานได้ไปเรียกเพื่อเตือนว่าจะหมดเวลาแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไปเห็นข้าวของกระจุยกระจายแต่ไม่พบคนในห้อง จึงเตรียมเก็บข้าวของที่ตกเรี่ยราด สังเกตุเห็นเตียงมีร่องรอยเคลื่อนย้ายผิดจากเดิม จึงยกที่นอนดูก็พบศพหมกอยู่ใต้เตียงดังกล่าว
ในเช้าของวันที่ 16 มีนาคม 2552 ตำรวจชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองศรีสะเกษ ได้จับกุมนายเผด็จ ช่างสี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 หมู่ 4 ต.สระกำแพงใหญ่ อ.อุทุมพรพิสัย โดยจับได้ที่บ้านพักของนายเผด็จเอง ซึ่งนายเผด็จได้ให้การภาคเสธ ว่าได้ไปที่เกิดเหตุจริงแต่ไม่ได้ร่วมฆ่า คนที่ฆ่าคือนายศุภวัฒน์ หรือต้อม โสภา ตำรวจได้ขอศาลออกหมายจับนายศุภวัฒน์ ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. 52 แต่นายศุภวัฒน์ได้หลบหนีไปตั้งแต่วันเกิดเหตุและหนีไปหลบซ่อนอยู่ในหลายจังหวัด จนกระทั่งได้ย้อนกลับมาบ้าน และเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 61 ตำรวจชุดสืบสวนได้นำหมายจับเข้าจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก ส่วนนายเผด็จศาลได้ยกฟ้องไปก่อนแล้ว
จากการสอบสวน นายศุภวัฒน์ ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า ที่ลงมือฆ่าแฟนสาวของตัวเอง เนื่องมาจากพูดกันไม่รู้เรื่อง ตนไม่ได้อยู่บ้านไปทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัดจึงห่างเหินกัน และตนทราบว่าแฟนสาวกำลังมีเพื่อนผู้ชายคนใหม่จึงได้นัดมาพบนอนด้วยกัน และพูดคุยเพื่อตกลงในปัญหาชีวิตกัน แต่พูดคุยกันไม่รู้เรื่องตกลงกันไม่ได้ ตนจึงได้ใช้กำลังบีบคอผู้ตายจนแน่นิ่งไป กระทั่งเมื่อจับตัวดูรู้ว่าเสียชีวิตแล้วจึงได้นำศพซ่อนไว้ใต้เตียง แล้วรีบขี่จักรยานยนต์หนีไปตั้งแต่คืนเกิดเหตุ หลบไปทำงานอยู่ตามที่ต่างๆหลายจังหวัดนานกว่า 8 ปี จนกระทั่งตนป่วยจึงกลับมาบ้านกระทั่งถูกจับกุมได้ หลังจากนำชี้ที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้ว ตำรวจได้นำตัวส่งขออำนาจศาลจังหวัดศรีสะเกษ ฝากขังเพื่อที่จะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการส่งฟ้องต่อไป
ด้านนายกอบเดช มูลตระกุล อายุ 63 ปี พ่อของ น.ส.จิราภรณ์ ผู้ตายกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่ทราบข่าวว่าลูกสาวเสียชีวิตก็เสียใจมาก เนื่องจากตนไม่ได้อยู่กับลูก ตนทำงานอยู่ต่างจังหวัดลูกอยู่กับน้าสาว หลังจากไปตนพร้อมญาติๆก็ได้พยายามติดตามความเคลื่อนไหวของคนก่อเหตุมาโดยตลอด เมื่อตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ก็รู้สึกดีใจระดับหนึ่ง แต่ก็ยังเศร้าใจที่ต้องสูญเสียลูกไป ก็อยากให้คนก่อเหตุได้รับโทษสถานหนักเพื่อให้สมกับความโหดเหี้ยม อยากให้ตายตกไปตามกันจึงจะสาสม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี