15 ม.ค. 61 ที่ปทุมธานี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( สถ.) เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ "แนวทางการจัดทำข้อมูลก๊าซเรือนกระจกสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" โดยมีผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นส่วนภูมิภาค เช่น ผู้อำนวยการสำนัก ผู้อำนวยการกอง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 80 คน เข้าร่วมอบรม ณ สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น จังหวัดปทุมธานี
โดยนายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในการอบรมเชิงปฏิบัติการ "แนวทางการจัดทำข้อมูลก๊าซเรือนกระจกสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" นี้ ถือเป็นปีที่สองของการจัดฝึกอบรมภายใต้ความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองลดคาร์บอน และเพื่อเป็นฐานข้อมูลในการทำกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่การเป็นเมืองลดคาร์บอน รวมถึงเพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยจากกิจกรรมทั้งหมดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ Carbon Footprint for Organization : CFO และการรายงานข้อมูลปริมาณก๊าซเรือนกระจกระดับเมือง หรือ City Carbon Footprint : CCF ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
"เรามุ่งสู่การเป็นเมืองคาร์บอนต่ำ เนื่องจากปัจจุบันเกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน เพราะมีการสะสมของปริมาณก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่เพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การใช้พลังงานในครัวเรือน สำนักงาน หรือการใช้พลังงานในการขนส่ง รวมถึงขยะมูลฝอย ซึ่งถือเป็นภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะบริหารจัดการ" อธิบดี สถ. กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า สำหรับการจัดทำข้อมูลก๊าซเรือนกระจกขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะเป็นการแสดงถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นภายในสำนักงาน รวมถึงปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นภายในเมืองด้วย ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นกำลังเร่งขับเคลื่อนนโยบายเรื่องการบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีเป้าหมายให้ทุกครัวเรือนให้มีความตระหนักในเรื่องของการช่วยคัดแยกขยะ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการบริหารจัดการขยะพิษ และขยะจากครัวเรือนได้อย่างถูกวิธี ก็จะสามารถนำไปคำนวณจำนวนคาร์บอนเครดิตที่ช่วยลดภาวะโลกร้อนได้
"การดำเนินการของอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) ที่ปัจจุบันเริ่มคึกคัก และขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเชิงการดูแลแก้ไขปัญหาขยะ และการเตรียมการเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามนโยบายการอนุรักษ์รักษาความหลากหลายทางพันธุกรรมพืชและการดูแลสิ่งแวดล้อม ที่ต้องเตรียมการขยายขอบเขตองค์ความรู้ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ให้เข้าไปมีส่วนในการสร้างการรับรู้ของสังคม ที่เป็นตัวเลขหรือเชิงปริมาณในการลดคาร์บอนไดออกไซด์ สู่ชั้นบรรยากาศ ก็จะเป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้นจากการอบรมในครั้งนี้ ต่อการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" อธิบดี สถ. กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะได้เรียนรู้ถึงแนวทางการจัดทำข้อมูลก๊าซเรือนกระจกสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประเมินศักยภาพและนำไปวางแผนการพัฒนาเมือง ควบคู่กับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และขอขอบคุณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหลายๆ แห่ง ที่ได้เริ่มดำเนินการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน และนำความรู้ที่ได้ไปดำเนินการในส่วนที่สอดคล้องกับภารกิจของหน่วยงานของทุกท่านต่อไป
อธิบดั สถ. กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแปลภารกิจที่เกี่ยวพันกับเรื่องการลดภาวะโลกร้อนหลายต่อหลายเรื่อง เช่น การบริหารจัดการขยะ การเป็นสำนักงานลดการใช้กระดาษ Paperless การปลูกต้นไม้ การดำเนินการตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช การจัดทำแปลงสมุนไพร ให้เป็นตัวเลขจำนวนตันคาร์บอนที่ช่วยลดโลกร้อน เพื่อให้คนในสังคมเห็นประโยชน์ที่ชัดเจนขึ้น อันจะส่งผลให้การลดภาวะโลกร้อนเป็นกิจกรรมที่มีความยั่งยืนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี