ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์ได้แถลงตัวเลขการส่งออกข้าวไทยตลอดทั้งปี 2560 ที่ผ่านมาว่า มีปริมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สามารถส่งออกข้าวได้ถึงประมาณ 11.2 ล้านตัน...ซึ่งดูแล้วไทยน่าจะครองแชมป์ส่งออกข้าวมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลกในปี 2560 อีกครั้ง
ขณะที่ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวระบุว่า ยอดส่งออกทั้งปี 2560 มีปริมาณ 11.2-11.3 ล้านตันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และที่สำคัญ เป็นปีที่ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ สูงถึงตันละ 16,000 บาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีราคาตันละ 9,500-11,000 บาท และถือเป็นราคาที่สูงเทียบเท่ากับช่วงที่ทำโครงการรับจำนำ (ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เลยทีเดียว หรือคิดเป็นราคาส่งออกตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ
นับเป็นข่าวดีอยู่ไม่น้อย ซึ่งจากการตรวจสอบราคาข้าวเปลือกโดยเฉพาะหอมมะลิตั้งแต่เริ่มต้นปีใหม่ 2561 มา พบว่า ท่าข้าว,ตลาดกลางและโรงสีต่างๆที่เริ่มเปิดรับซื้อข้าวเปลือกตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.เป็นต้นมาจนถึงล่าสุด วันที่ 15 ม.ค.มีการรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิในระดับราคาสูงกว่าตันละ 15,000 บาททั้งนั้น
สำหรับในปี 2561 นี้ กระทรวงพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจส่งออกข้าวต่างประเมินว่า ยอดส่งออกข้าวไทยจะลดลงเหลือประมาณ 9.5 ล้านตัน ด้วยหลายสาเหตุ เช่น ปีที่ผ่านมามีการเร่งระบายขายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าวที่มีอยู่สูงมาก ออกไปจนเกือบหมดแล้ว ขณะที่ผลผลิตข้าวใหม่ที่ออกมามีปริมาณน้อยลง เนื่องจากช่วงปลายปีที่แล้ว เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ปลูกโดยเฉพาะภาคอีสาน สร้างความเสียหายให้กับผลผลิตไม่น้อย เป็นปัจจัยที่ทำให้เหลือปริมาณข้าวที่จะส่งออกได้ไม่สูงมากนัก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากการที่“ค่าเงินบาท”ตั้งแต่ต้นปีมานี้ แข็งตัวขึ้นมาก ส่งผลให้ราคาข้าวไทยเมื่อเทียบเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐมีราคาแพงขึ้น ความสามารถในการแข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งต่างๆ จึงต้องลดลงไป เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากการที่“สต๊อกข้าวรัฐ”ในโครงการจำนำข้าวถูกระบายขายออกเกือบหมดแล้ว ส่งผลดีอย่างมาก ด้วยที่จะไม่เป็นปัจจัยกดดันราคาข้าวไทยเหมือนที่ผ่านๆมาอีก ประกอบกับการที่ผลผลิตข้าวใหม่ปีนี้มีปริมาณไม่สูงมากนัก ด้วยหลายพื้นที่เจอภัยน้ำท่วมด้วย จึงทำให้เป็นที่คาดการณ์ของนักวิชาการว่า ราคาข้าวในปี 2561 นี้ น่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างข้าวระดับพรีเมียมของไทยอย่างข้าวหอมมะลิ ซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดโลกเพิ่มขึ้น รวมทั้งข้าวเฉดสีต่างๆที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆในตลาดผู้บริโภคต่างประเทศที่รักสุขภาพ
รศ.สมพร อิศวิลานนท์ จากสถาบันคลังสมองของชาติประเมินแนวโน้มปีนี้ ข้าวหอมมะลิจะสามารถส่งออกได้ในราคาสูงถึงตันละ 900-1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นราคาข้าวเปลือกที่ตันละประมาณ 14,000-15,000 บาท และโดยเฉพาะข้าวเฉดสีต่างๆ เช่น ไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมมะลิดำ มีโอกาสขึ้นไปแตะถึงตันละ 2 หมื่นบาททีเดียว
แต่สำหรับข้าวขาวทั่วไปของไทยในตลาดล่าง ยังคงเผชิญการแข่งขันส่งออกที่รุนแรง โดยประเทศคู่แข่งมีข้อได้เปรียบเรื่อง“ราคาถูกกว่า”แล้วยังค่าเงินที่อ่อนกว่า“เงินบาท”ไทยทำให้สามารถตั้งราคาขายจูงใจมากกว่า อีกทั้งผลผลิตคู่แข่งอย่างเวียดนามและเมียนมาต่างก็เพิ่มขึ้น ส่วนประเทศที่เคยนำเข้าข้าวจากไทยอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ก็เปลี่ยนมาผลิตข้าวเอง ดังนั้นรศ.สมพร อิศวิลานนท์ประเมินว่า ราคาข้าวกลุ่มนี้อาจจะขยับได้ไม่มากนักจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ตันละ 7,500-7,800 บาท
นี่เป็นสภาพตลาดข้าวในปี 2561 ซึ่งปัจจัยโดยรวมๆถือว่าเป็น“ผลบวก”ที่น่าจะทำให้ชาวนาไทยขายข้าวได้ราคากระเตื้องดีขึ้นกว่าปี 2560 โดยเฉพาะข้าวระดับบนอย่าง “หอมมะลิ”และข้าวเฉดสีทั้งหลาย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์มุ่งผลักดันการส่งออก เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทย ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ควรเน้นส่งเสริมการปลูกข้าวพรีเมียมให้มากขึ้น
ภายใต้สภาพตลาดที่มีทิศทางดีขึ้น สะท้อนให้เห็นชัดจากราคาข้าวเปลือกตั้งแต่ปีใหม่มานี้ที่ขยับยืนอยู่ในราคาสูงอยู่ นับว่าน่าจะทำให้ทีมรัฐมนตรีเกษตรฯนำโดยรมว.กฤษฎา บุญราชยิ้มออก กับสิ่งที่ได้เคยประกาศว่า ภายใน 3 เดือนนับแต่เข้ามาทำงาน ราคาพืชผลต่างๆจะต้องดีขึ้น
ได้ราคาข้าวเป็นหลักนำไปก่อน มันก็สบายใจขึ้นเยอะแล้ว แต่จะนับเป็นฝีมือหรือโชคช่วย ก็แล้วแต่จะมองกัน
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี