“วัฒนา”อ่วม! ศาลอาญาตัดสินลงโทษจำคุกอีก 80 ปี 6 เดือน วางบึ้ม 3 คดี โอดศาลขอลดโทษ รวม 5 คดีคุกหัวโต 111ปีครึ่ง เหลือโทษอีก 2 คดี รอศาลตัดสิน
18 ม.ค.61 ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี 2550-2560 รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “นายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ” อายุ 63 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) และทำให้เกิดระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส, มีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาวัตถุระเบิดไปในเมืองหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530
โดยคดีดำ อ.3220/60 ระบุความผิดสรุปว่าเมื่อระหว่างวันที่ 4-5 เม.ย.60 จำเลยได้ประกอบวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องเป็นระบบไฟฟ้าตั้งเวลาเป็นตัวจุดระเบิด ห่อด้วยกระดาษขาวม้วนกลมคล้ายห่อโรตีใส่ในถุงก๊อบแก๊บสีขาวขุ่นมัดปากถุงแล้วพาติดตัวออกจากบ้านพักโดยขึ้นรถโดยสารประจำทางมาตาม ถ.ราชดำเนินกลางและนำไปวางบริเวณโคนต้นไม้ใกล้ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามร้านข้าวต้มสกายไฮ เพื่อมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย 3 ราย และประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา แต่ไม่บรรลุผล เนื่องจากพนักงานกวาดขยะได้กวาดเอาวัตถุระเบิดไปทิ้งถังขยะพลาสติกสีเขียวบริเวณกองสลากเก่าทำให้เกิดระบิดถูกผู้เสียหาย 3 รายได้รับบาดเจ็บ
เหตุเกิดแขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.
ส่วนคดีดำอ.3221/60 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 14 -15 พ.ค.60 จำเลยได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นเองขึ้นรถยนต์โดยสารจากบ้านพักย่านบางเขนแล้วนำไปวางไว้ใต้ต้นไม้บนบาทวิถีหน้าโรงละครแห่งช่าติแล้วเปิดสวิตซ์ให้วงจรทำงานจนเกิดระเบิดขึ้นถูกผู้เสียหาย 2 รายได้รับบาดเจ็บ และทำให้โครงป้ายแผนผังที่จอกรถรับ -ส่งประชาชน ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กทม.
ส่วนคดีดำ อ. 3222/60 ระบุความผิดว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2550 จำเลยได้นำระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบขึ้นไปลอบวางไว้ที่บริเวณตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน ถ.พหลโยธิน เขตจตุจักร กทม. จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา221,222,288,289,360,371 ,พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ฯวัตถุระเบิดพ.ศ.2522 ม.6,8 , พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530 ม.4,5,7,15,42
โดยนายวัฒนา จำเลย ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2560 นายวัฒนาถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ โดยศาลเบิกตัวนายวัฒนามาฟังคำพิพากษาทั้ง 3 สำนวน และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพแต่อย่างใด
ศาลได้อ่านคำพิพากษาเป็นรายคดี คดีแรกหมายเลขดำ อ.3220/2560 กรณีระเบิดหน้ากองสลากเดิม ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานอัยการโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นบทหนักสุด จำคุกตลอดชีวิต, ฐานประกอบวัตถุระเบิดและทำให้เกิดระเบิด จำคุก 3 ปี, ฐานครอบครองยุทธภัณฑ์ จำคุก 1 ปี และพกพาวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะฯ ปรับ 1,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวมทั้งสิ้น 27 ปี เดือน ปรับ 500 บาท พร้อมให้ชดใช้หญิงผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
คดีที่ 2 หมายเลขดำ อ.3221/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ศาลมีคำพิพากษาเช่นเดียวกันกับคดีระเบิดหน้ากองสลากเดิม โดยให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 27 ปี ปรับ 500 บาท แต่คดีนี้ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
คดีที่ 3 หมายเลขดำ อ.3222/2560 กรณีระเบิดตู้โทรศัพท์ ฯ หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ เมื่อปี 2550 นั้น พยานหลักฐานรับฟังได้เพียงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตาม มาตรา 289 (4) และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ฯ พ.ศ.2530 ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกรวม 26 ปี 6 เดือน
ทั้งนี้ ก่อนศาลอ่านคำพิพากษา นายวัฒนาแถลงต่อศาลด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวว่า ที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ หวังจะให้ศาลเมตตาพิจารณาบรรเทาโทษตามความเหมาะสม ขณะที่ผู้พิพากษาได้แจ้งกับนายวัฒนาว่า ศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐานและที่จำเลยรับสารภาพ รวมทั้งบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว
ภายหลังฟังคำพิพากษานายวัฒนาและภรรยาซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้ก็ได้พยายามซักถามเรื่องการนับโทษกับพนักงานอัยการโจทก์ ส่วนทนายความจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรวมโทษจำคุกนายวัฒนาทั้ง 3 สำนวนในวันนี้ เป็นเวลา 80 ปี 6 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท โดยศาลให้นับโทษนายวัฒนาต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิด รพ พระมงกุฏเกล้าฯ เดือน พ.ค.2560 จำคุก 27 ปี ปรับ 500 บาท เมื่อนับโทษจำคุกทั้ง 5 คดี คงจำคุกนายวัฒนา 111 ปี 6 เดือน ปรับ 2,475 บาท
สำหรับคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. ที่นายวัฒนาถูกอัยการยื่นฟ้องยังเหลืออีก 2 สำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือ 1.คดีหมายเลขดำ อ.2926/2560ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2560
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 27-30 ก.ย. 2550 จำเลยนำระเบิดแสวงเครื่องที่ใส่ชิ้นส่วนโลหะ แบตเตอรี่ สายไฟ ดินดำ ในขวดพลาสติกซึ่งใส่น้ำมันเบนซิน และตั้งเวลาระเบิดไว้ 30 นาที นำไปวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจ 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียอวัยวะด้วย ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท
2.คดีหมายเลขดำ อ.3157/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2560 กรณีเมื่อวันที่ 5พ.ค. 2550 จำเลยได้จัดเตรียมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมบ์ตั้งเวลา ใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วนำไปวางไว้บนทางเท้าติดกับตู้โทรศัพท์สาธารณะของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิตกทม. ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี