ผบ.ตร.แถลงผลงานตามแผนชัยยะสยบไพรี 61/2 ทลาย 4 แก๊งยาเสพติด ยึดยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กก.อายัดทรัพย์สินร่วม 200 ล้าน เผยแก๊ง “ทิพย์อาภา”ตัวการใหญ่โยงเครือข่าย “ไซซะนะ”เป็นเมีย“พ.ต.ท.”ทางหลวง แฉพฤติกรรมคอยเคลียร์เส้นทางขนยาเสพติด ให้ออกจากราชการไว้แล้ว “สมหมาย” สั่งขยายผลเชื่อยังมีนายตำรวจคนอื่นร่วมขบวนการอีก
ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อวันที่ 19 มกราคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และคณะแถลงข่าวผลการจับกุม ตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 ปฏิบัติการในห้วงวันที่ 12 -19 มกราคม 2561 จำนวน 59 เป้าหมาย ทั่วประเทศ
สามารถเผด็จศึก 4 เครือข่ายที่สำคัญ ได้แก่ 1. เครือข่ายนางสาว ทิพย์อาภา รักษาแสง จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 บก.ขส. บก.ปส.4 จับกุมนายสุชาติ แสงตะวัน กับพวกรวม 3 คน พร้อมกัญชา 520 กก. จากการขยายผลพบว่า นางสาวทิพย์อาภา รักษาแสง เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและหมายค้นเพื่อจับกุมและตรวจยึดต่อไป
2. เครือข่าย นางสาวธิดารัตน์ จิตรานนท์ (เครือข่ายไอซ์) จากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมไอซ์2กก. คดีของ บก.ขส. พบว่ามีนางสาวธิดารัตน์ จิตรานนท์ เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 24 ล้านบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและหมายค้นเพื่อจับกุมและตรวจยึดต่อไป
3. เครือข่ายม้งเวียงแก่น นายมนตรี วงศ์บุญชัยเลิศ จากการสืบสวนเครือข่ายม้งเวียงแก่น ซึ่งมีนายมนตรี เป็นผู้สั่งการ บก.ปส.3 จึงได้จัดชุดเฝ้าสืบสวนติดตามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่ตอนในของเครือข่ายดังกล่าว
และ 4. เครือข่าย เอกอ้วนจากปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 (ผลพวงแห่งความโลภ) นำไปสู่ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/1 (เสือสิ้นลาย) ซึ่งยึดทรัพย์ได้ประมาณ 200 ล้านบาท ต่อมาจากการขยายผลของ บก.ปส.2 ทราบว่านายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล ซึ่งเป็นพี่เขยของนายเอกอ้วน จะเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินแทน จึงนำไปสู่ปฏิบัติการในครั้งนี้ในตอน “หมดเวลาของเอกอ้วน” เพื่อขยายผลจับกุมกลุ่มเครือข่าย และตรวจยึดทรัพย์สินต่อไป
ผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 3,600,000 เม็ดไอซ์2 กิโลกรัม กัญชา 12 กิโลกรัม โคเคน 770 กรัม ปืน 21กระบอก เครื่องกระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คันมูลค่า 8,200,000 บาท บ้าน 2 หลัง มูลค่า 9,600,000 บาท ที่ดินและคอนโด 37 แปลง มูลค่า 157,000,000 บาท เงินสด 7,965,900 บาท ทองรูปพรรณมูลค่า 2,700,000 บาท และอื่น ๆ มูลค่า 2,639,800 บาท รวมมูลค่าการตรวจยึดทรัพย์สิน 188,105,700 บาท
ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ถือเป็นการยกระดับในกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานช่วยเป็นหูเป็นตา สำหรับกรณีคดีน.ส.ทิพย์อาภา ที่มีพ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ สว.สอบสวน ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สามี มาเกี่ยวข้องนั้น จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง ในเบื้องต้นทางกองบัญชาการสอบสวนกลาง(บช.ก.)ได้มีคำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ทั้งนี้ตนได้มีคำสั่งให้ทุกกองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ไม่เอาไว้
ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เปิดเผยว่า จากการสอนสวน พ.ต.ท.ธนกฤต ยังคงให้การปฏิเสธ โดยธรรมชาติตำรวจจะไม่รับสารภาพ แต่มั่นใจว่าข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่สามารถทำให้ติดคุกได้แน่นอน ไม่เช่นนั้นศาลคงไม่อนุมัติหมายจับ ซึ่งเมื่อตอนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับน.ส.ทิพย์อาภา ได้มีการโทรมาแจ้งพ.ต.ท.ธนกฤต จนมีการขนของออก โดยพ.ต.ท.ธนกฤต ได้ขนเงินจำนวน 2 ล้านบาทไปยัง จ.เพชรบุรี ซึ่งพฤติการณ์ของพ.ต.ท.ธนกฤต มีการช่วยเหลือกันตลอดทั้งดูแลเรื่องเงิน เปลี่ยนรถให้ อีกทั้ง เจ้าหน้าที่พบเครื่องนับเงิน ถ้าไม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินจะมีไว้ทำไม และรถยนต์ที่ตรวจยึดได้ก็มีการดัดแปลงด้านล่างไว้สำหรับลำเลียงยาเสพติด ทำให้น.ส.ทิพย์อาภารอดจากการจับกุมมาได้นานกว่า 10 ปี
ผบช.ปส. ยังเชื่อว่า น่าจะมีนายตำรวจนายอื่นที่อยู่ในขบวนการของพ.ต.ท.ธนกฤตอีก เพราะคนๆเดียวคงทำไม่ได้ ส่วนจะมีการนำเงินที่ได้จากขบวนการค้ายาเสพติดมาใช้ในการโยกย้ายตำแหน่งหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขบวนการของน.ส.ทิพย์อาภาถือเป็นกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่และเชื่อมโยงกับเครือข่ายของนายไซซะนะ แก้วพิมพา พ่อค้ายาเสพติดชาวลาวที่ถูกจับกุมไปแล้ว โดยพฤติการณ์กลุ่มนี้จะมีคนถือทรัพย์สินแทน ไม่ระบุชื่อเจ้าของที่เจ้าหน้าที่จับ อาจจะเป็นพ่อ หลาน น้อง ซึ่งต้องเชื่อมโยงให้ได้
สำหรับพ.ต.ท.ธนกฤตนั้น จากแนวทางการสืบสวนพบว่าเป็นนายตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงาน ไม่มีรายได้อื่น แต่กลับมีรายได้เข้ามามาก จนสามารถส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ต้องใช้เงินปีละกว่าล้านบาทได้ ซึ่ง พ.ต.ท.ธนกฤต จะถูกนำตัวฝากขังต่อศาลอาญาในวันที่ 19 มกราคมนี้
“ผมไม่หนักใจและไม่กังวลที่จะต้องสอบสวนตำรวจด้วยกันหรือมียศสูงกว่า เนื่องจากสมัครเป็นตำรวจมาแล้วก็ต้องทำเพื่อประชาชน ”ผบช.ปส.ยืนยัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี