วันเสาร์ ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า อีกประมาณ 2 ปี ไทยจะสิ้นสุดมาตรการปกป้องพิเศษ (SSG) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งจะส่งผลให้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นไป สินค้าเกษตรที่นำเข้าจากออสเตรเลียจำนวน 17 รายการ จะไม่มีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า และไม่จำกัดปริมาณการนำเข้าอีกต่อไป เช่น เนื้อโคและเครื่องในเนื้อหมูและเครื่องใน นมและผลิตภัณฑ์นม เนย เนยแข็ง
ขณะที่สินค้า SSG ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลียที่ผ่านมา ไทยมีสินค้า SSG 23 รายการ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่สิ้นสุดมาตรการไปแล้วตั้งแต่ 31 ธันวาคม 2558 จำนวน 6 รายการ ได้แก่ นมและครีมข้นไม่หวาน บัตเตอร์มิลค์ น้ำผึ้ง ส้ม องุ่น และมันฝรั่งปรุงแต่งแช่เย็นแช่แข็ง และ 2.กลุ่มที่จะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 จำนวน 17 รายการ เช่น สินค้าเนื้อวัวและเครื่องใน สินค้าเนื้อหมูและเครื่องในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม เนย เนยแข็ง
สำหรับสินค้าเนื้อโค เป็นสินค้าที่ตลาดภายในประเทศมีความต้องการสูงและมีการขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะเนื้อโคคุณภาพ โดยในช่วงปี 2556-2560 การบริโภคเนื้อโคและผลิตภัณฑ์ของไทยขยายตัวที่ร้อยละ 4.80 ต่อปีประกอบกับผลผลิตภายในประเทศมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องมีการนำเข้าเนื้อโคคุณภาพจากต่างประเทศโดยเฉพาะออสเตรเลีย ซึ่งในปี 2559 ไทยนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลียปริมาณสูงถึง 3,903 ตัน หรือคิดเป็นร้อยละ 41.55 ของการนำเข้าเนื้อโคทั้งหมดของไทยซึ่งมีปริมาณ 9,392 ตัน เนื่องจากเนื้อโคเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการผลิตและส่งออกของออสเตรเลียและหากสิ้นสุดมาตรการ SSG แล้ว คาดว่าจะส่งผลให้มีการนำเข้าเนื้อโคจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีราคาถูกลง
นายวินิต อธิสุข ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจการเกษตรระหว่างประเทศ (สศก.) กล่าวว่า สศก. จะดำเนินการจัดประชุมเพื่อเตรียมการเปิดตลาดสินค้าตามพันธกรณีความตกลง TAFTAในสินค้า SSG ที่จะสิ้นสุดมาตรการในกลุ่มที่ 2 ประมาณเดือนมีนาคม 2561 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ กรมปศุสัตว์ กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สมาคมโคเนื้อแห่งประเทศไทย สหกรณ์เครือข่าย โคเนื้อ จำกัด สหกรณ์โคเนื้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน จำกัด เป็นต้น
ทั้งนี้ สศก. โดยกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ (กองทุน FTA) ได้ให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้าในการเพิ่มศักยภาพธุรกิจสำหรับสินค้าโคเนื้อตั้งแต่ปี 2550 จำนวน 6 โครงการ งบประมาณ 154.75 ล้านบาท อาทิ โครงการคัดเลือกพ่อพันธุ์กำแพงแสนเพื่อใช้ผลิตน้ำเชื้อ โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตเนื้อโคขุนคุณภาพสูง โครงการเพิ่มมูลค่าเนื้อโคขุนเกรดคุณภาพ (Premium) เพื่อรองรับตลาดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันซึ่งผลจากการดำเนินการตามโครงการต่าง ได้ช่วยให้ไทยมีศักยภาพในการผลิตโคเนื้อและเนื้อโคเพิ่มขึ้น โดยในช่วงปี 2556-2560 ไทยสามารถผลิตเนื้อโคได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.78 ต่อปีขณะที่สัดส่วนผลผลิตภายในประเทศต่อความต้องการบริโภคขยับเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 73.88 ในปี 2556 มาเป็นร้อยละ 76.4 ในปี 2560
เกษตรกรและผู้ที่ได้รับผลกระทบหรืออาจได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีดังกล่าว สามารถเสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุน FTA เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการยกเลิก SSG ภายใต้ความตกลง TAFTA ในปี 2563 ได้ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ส่วนบริหารกองทุนภาคเกษตร โทรศัพท์ 0-2561-4727 หรือโทรสาร 0-2561-4726 และ www2.oae.go.th/FTA หรือ E-mail : fta@oae.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี