ได้ยินข่าว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ วิวัฒน์ ศัลยกำธร จะหนุนสภาเกษตรกรแห่งชาติภายใต้การนำของ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ให้ทดลองปลูกกัญชา เพื่อนำไปใช้ทางการแพทย์ เลยสะดุดหยุดฟัง และหาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชามาเรียนรู้ เพราะก่อนหน้านี้ทราบเพียงว่ากัญชา เป็นพืชเสพติด ที่ใครมีไว้ในครอบครองก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
บทลงโทษของการมีกัญชาไว้ในครอบครอง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผลิต นำเข้า หรือส่งออกจำหน่าย มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกตั้งแต่ 2 - 15 ปี ปรับ 2 หมื่น - 1.5 แสนบาท ถ้าเสพอย่างเดียว จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
หาข้อมูลมาอ่าน ก็พอเข้าใจได้ว่า กัญชามีทั้งคุณและโทษ ว่าด้วยเรื่องคุณประโยชน์ของกัญชาก่อนก็ได้เขาบอกว่า กัญชาไม่ใช่ยาที่เสพแล้วติด ถ้าจะเลิกกัญชาก็หยุดได้เลยไม่มีอาการที่เรียกว่า ลงแดง เหมือนฝิ่น หรือ เฮโรอีน เขายังบอกอีกว่า เลิกกัญชาง่ายกว่าเลิกบุหรี่....และกัญชายังไม่ทำลายสมองเท่ากับเหล้าด้วยซ้ำ
กัญชา ยังเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรมคุณภาพดี มีข้อมูลระบุว่าในอดีตมีการปลูกกัญชาไว้ทำกระดาษและสิ่งทอคุณภาพสูง แถมยังบอกด้วยว่า กระดาษแผ่นแรกที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ทำมาจากกัญชา มีคุณสมบัติไม่เหลือง ไม่ขาดง่าย คัมภีร์ไบเบิ้ลเล่มแรกของโลกก็เขียนบนกระดาษที่ทำจากเยื่อกัญชา
กัญชา เป็นยารักษาโรค ช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง รักษาไขมันอุดตันในหลอดเลือด เป็นยานอนหลับที่ไม่มีผลข้างเคียง รักษาโรคซึมเศร้า เพราะฤทธิ์ของกัญชาทำให้อารมณ์ดี ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
คราวนี้มาดูโทษของกัญชาบ้าง ข้อมูลระบุว่า สารที่อยู่ในกัญชา สามารถทำลายการทำงานของอวัยวะได้หลายส่วน ทำให้ร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลีย ผู้ที่เสพกัญชาปริมาณมากๆ เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม กัญชาทำลายระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
ผู้ที่เสพกัญชาในปริมาณมาก มักจะเป็นโรคจิตในภายหลัง วิตกกังวล หวาดระแวง มีอาการเลื่อนลอย สับสน ฟั่นเฟือน ประสาทหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้
ในทางการแพทย์ มีการใช้กัญชา เพื่อบำบัดรักษาโรคจริง แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น..
ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อ้างว่ามีโครงการของกระทรวงสาธารณสุข ปลูกกัญชาเพื่อสกัดเป็นยารักษาโรค และได้ออกกฎกระทรวงมาอนุญาตให้ปลูกกัญชาได้ ประกอบกับต่างประเทศหลายๆ ประเทศ เขาส่งเสริมปลูกกัญชาเพื่อนำมาใช้เป็นยารักษาโรค จึงน่าจะเป็นโอกาสทองของไทยที่จะปลูกกัญชานำมาสกัดเป็นยารักษาโรคส่งออกทำรายได้ให้ประเทศ.....จึงเสนอให้มีการปลูกในพื้นที่เป็นพันๆ ไร่...เป็นความหวังดีอย่างแท้จริง แต่คงต้องคิดให้รอบคอบ กว่าการเห็นคนอื่นเขาทำ แล้วทำตาม....
ขนาดไม่ได้ส่งเสริมให้ปลูกและมีการปราบปรามอย่างเข้มงวด ป.ป.ส. ยังมีข้อมูลว่า กัญชา เป็นยาเสพติดที่มีผู้เสพมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากยาบ้า เพราะปัจจุบันสามารถซื้อหาได้ง่าย....ถ้าส่งเสริมอย่างเสรีคงมีคนเสพกัญชามากกว่านี้....คงเห็นคนอารมณ์ดี...หัวเราะ เลื่อนลอย สับสน ฟั่นเฟือน ไปจนประสาทหลอนมากขึ้น....
โล่งใจที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ออกมายืนยันว่า โครงการที่ท่านประพัฒน์ อ้างว่ากระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวงฯ อนุญาตให้ปลูกกัญชานั้น ที่แท้จริง เป็นกฎกระทรวง อนุญาตให้ปลูก กัญชง ไม่ใช่กัญชา และต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้อนุญาตด้วย
อันว่ากัญชงนี้ ตามพ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ก็ถือเป็นยาเสพติดเหมือนกัน แต่มีสารออกฤทธิ์น้อยกว่ากัญชา ครม.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติให้ปลูกกัญชง ใน 6 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน ตาก เพชรบูรณ์ เพื่อให้ประชาชนมีอาชีพตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เพื่อนำผลผลิต คือ เยื่อกัญชงไปทำสิ่งทอ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ .....ไปผลักดัน กัญชง ให้สำเร็จก่อนดีกว่า...ค่อยมาเชียร์ กัญชา ทีหลัง
เสื้อใยกัญชง แพงเกือบเท่าผ้าไหมนะครับท่าน.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี