ผู้ใดจะประกอบกิจการรับขนสินค้ากรณีใช้รถบรรทุก จะต้องดำเนินการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการเสียก่อน มิเช่นนั้นจะเป็นการผิดกฎหมาย แต่เมื่อจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการแล้ว หากจะทำการขายรถยนต์บรรทุกนั้น จะต้องยกเลิกการจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการด้วย ถ้าไม่ได้ยกเลิก เมื่อผู้รับโอนรับซื้อรถยนต์บรรทุกนั้นไปทำละเมิดต่อบุคคลอื่นผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้จดทะเบียนยกเลิกการประกอบการย่อมต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดร่วมด้วย เป็นไปตามหลักประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๕ บัญญัติว่า “นายจ้างต้องร่วมกันรับผิดกับลูกจ้างในผลแห่งละเมิด ซึ่งลูกจ้างได้กระทำไปในทางการที่จ้างนั้น” มาตรา ๔๒๖ บัญญัติว่า “นายจ้างซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อละเมิดอันลูกจ้างได้ทำนั้น ชอบที่จะได้ชดใช้จากลูกจ้างนั้น” และมาตรา ๔๒๗ บัญญัติว่า “บทบัญญัติในมาตราทั้งสองก่อนนั้น ท่านให้ใช้บังคับแก่ตัวการและตัวแทนด้วยโดยอนุโลม “ประกอบกับมาตรา ๘๒๐ บัญญัติว่า “ตัวการย่อมมีความผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการทั้งหลายอันตัวแทนหรือตัวแทนช่วงได้ทำไปภายในขอบอำนาจแห่งฐานตัวแทน”
ทั้งนี้ เป็นไปตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๒๐๐/๒๕๕๘ ซึ่งได้วินิจฉัยโดยย่อว่า “จำเลยที่ ๓ เป็นเจ้าของรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน ๘๕-๓๔๙๑ นครปฐม และจำเลยที่ ๔เป็นเจ้าของรถบรรทุกกึ่งพ่วงหมายเลขทะเบียน ๘๒-๗๔๑๑ นครปฐม โดยจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ได้รับอนุญาตเป็นผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกคันดังกล่าว แม้จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ จะให้จำเลยที่ ๒ เช่าซื้อรถบรรทุกดังกล่าวไปก็เป็นเรื่องกรรมสิทธิ์ของรถเท่านั้น จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ หาได้บอกเลิกการประกอบการขนส่งที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ แก่ทางราชการไม่ กลับยอมให้จำเลยที่ ๒ นำรถบรรทุกคันเกิดเหตุดังกล่าวไปใช้ประกอบการขนส่งโดยให้จำเลยที่ ๑ ลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ เป็นคนขับในวันเกิดเหตุ พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ กับจำเลยที่ ๒ ร่วมกันประกอบการขนส่ง ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ ๑ ขับรถบรรทุกคันเกิดเหตุไปกระทำละเมิดอันต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ทั้งสองภายในขอบอำนาจแห่งฐานะตัวแทนเช่นนี้ จำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ซึ่งเป็นตัวการจึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดซึ่งจำเลยที่ ๑ กระทำไปนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๗, ๘๒๐”
กรณีตามฎีกานี้เป็นเรื่องรับผิดทางละเมิด หลักแห่งความผิดเป็นไปตามมาตรา ๔๒๐ บัญญัติว่า “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
ส่วนผู้ทำละเมิดจะรับผิดเพียงใดนั้นเป็นไปตามมาตรา ๔๓๘ บัญญัติว่า “ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด
อนึ่ง ค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใดๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี