นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ทิศทางการเกษตรกรรมของโลกกำลังเปลี่ยนไปจากการเกษตรแบบเดิมสู่การเกษตรสมัยใหม่ ประกอบกับอนาคตของภาคเกษตรไทย กำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงาน เกษตรกรเข้าสู่วัยสูงอายุ จึงต้องค้นหาเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือเครื่องจักรกลมาใช้ทำการเกษตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน แก้ปัญหาแรงงาน กระทรวงเกษตรฯ จึงได้จัดงานวันรณรงค์การใช้เทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะเพื่อการผลิตข้าวแปลงใหญ่ โดยมีการนำเทคโนโลยีการผลิตพืชมาใช้ในกระบวนการผลิต ตั้งแต่การเตรียมแปลง การปลูก การดูแลรักษา และการเก็บเกี่ยว ซึ่งถือเป็นก้าวแรกของการขับเคลื่อนการทำการเกษตรอัจฉริยะในการผลิตข้าวนาแปลงใหญ่อย่างเป็นรูปธรรม
ดร.วราภรณ์ พรหมพจน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงเกษตรฯของไทย ได้ศึกษาดูงานภาคเกษตรกรรมในประเทศญี่ปุ่น และระบบเกษตรกรรมอัจฉริยะ พร้อมทั้งหารือเรื่องความร่วมมือด้านการนำนวัตกรรมภูมิสารสนเทศมาใช้ในการทำการเกษตรต่อมาจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ ประกอบด้วยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขับเคลื่อนดำเนินการการจัดทำแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะเป็นแปลงต้นแบบที่นำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะมาใช้ในกิจกรรมการผลิตพืชให้เป็นรูปธรรม โดยนำร่องในแปลงพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลัง และข้าว ถ่ายทอดให้แก่เกษตรกร นักวิจัยผู้ประกอบการ ประชาชนที่สนใจ เรียนรู้ และนำไปใช้ประโยชน์
สำหรับโครงการแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะ ซึ่งมีการนำร่องในแปลงมันสำปะหลังและข้าว ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาพัฒนาที่มีการนำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม คือใช้ในทุกกิจกรรมการผลิตพืช โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ประกอบด้วย การใช้แทรกเตอร์ไร้คนขับ ร่วมกับเครื่องจักรกลเกษตรสมัยใหม่ การให้น้ำตามความต้องการของพืชโดยพิจารณาจากข้อมูลความชื้นของดิน และสภาพอากาศผ่านระบบเซ็นเซอร์ และ Internet of Things (IOT) เป็นต้น โดยมีพื้นที่แปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะการผลิตมันสำปะหลังอยู่ที่ จ.นครราชสีมา และ จ.กำแพงเพชร ส่วนแปลงเรียนรู้เกษตรอัจฉริยะการผลิตข้าว อยู่ที่จ.กำแพงเพชร และ จ.พระนครศรีอยุธยา
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการนาแปลงใหญ่ของจ.กำแพงเพชร ว่า หน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ร่วมบูรณาการให้มีการจัดตั้งนาแปลงใหญ่แล้วจำนวน 12 แปลง พื้นที่ 19,955 ไร่ เกษตรกร 835 ราย โดยสามารถยกระดับการผลิตข้าวของจังหวัดให้สูงขึ้นด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการปลูกข้าวให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการลดต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน มีความสะดวกในการปฏิบัติงาน และลดการใช้แรงงาน ตลอดจนส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตรกรรมแม่นยำตามนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ การใช้เครื่องมือในกระบวนการทำนา จึงมีการสาธิตและจัดนิทรรศการในวันนี้ อาทิ การปรับพื้นที่ด้วยระบบเลเซอร์ รถแทรกเตอร์แบบไร้คนขับเป็นต้น และในปี 2561 กรมการข้าวมีแผนการจัดตั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นในปี 2561 จำนวน 21 แปลง โดยที่ อ.พรานกระต่าย มีการจัดตั้งกลุ่มนาแปลงใหญ่แล้ว 3 แปลง พื้นที่ 7,221 ไร่ เกษตรกร 322 ราย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี