ยุทธตู้เย็นฟ้อง‘ชูวิทย์’
เรียก200ล.โยงฟอกเงิน
‘บิ๊กอ๊อด’ไซด์ไลน์โผล่
แจงปมยืมเงินเสี่ยกำพล
“บิ๊กอ๊อด” ตร.ไซด์ไลน์โร่ให้ปากคำดีเอสไอในฐานะพยานคดีค้ามนุษย์ แจงเงินกู้จาก “เสี่ยกำพล” 300 ล้าน มั่นใจได้รับความเป็นธรรมและตรงไปตรงมาจากจนท.มืออาชีพ ขณะที่“ยุทธ ตู้เย็น”ส่งทนายฟ้องแพ่งกราวรูด”ชูวิทย์-สื่อ”โดนกันระนาว เรียกค่าเสียหาย 200 ล้านจากการใส่ความฟอกเงินค้ามนุษย์
เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เวลา 11.00น. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมายังกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ปากคำข้อมูลกรณีมีธุรกรรมการเงินเชื่อมโยงกับ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท และการยืมเงิน 300 ล้านบาท โดยการเข้าให้ข้อมูลครั้งนี้ เป็นไปตามที่ ดีเอสไอเรียกให้เข้ามาให้ถ้อยคำในฐานะพยาน คดีค้ามนุษย์สถานอาบอบนวด ซึ่งถือเป็นพยานปากแรกที่เข้าให้ข้อมูลในประเด็นเกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน โดย พล.ต.อ.สมยศ กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำ เพียงสั้นๆ ว่า กำลังจะเข้ากระบวนการตรวจสอบขอยังไม่ให้สัมภาษณ์
ภายหลัง ใช้เวลาให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง พล.ต.อ.สมยศ ได้เปิดเผยว่าวันนี้ตนมาให้ปากคำพนักงานสอบสวนดีเอสไอในฐานะพยาน เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานและองค์กรรัฐเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ตนไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆในรายละเอียดได้
“แต่ขอเรียนว่าผมยินดีและพร้อมให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงาน ซึ่งผมเชื่อมั่นในหน่วยงานของรัฐ และเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบว่ามีความเป็นมืออาชีพ และให้ความยุติธรรมกับทุกคน พร้อมทั้งทำงานตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ส่วนหลังจากนี้จะต้องมาให้ปากคำกับดีเอสไออีกหรือไม่นั้น ผมตอบไม่ได้เพราะเป็นเรื่องในรายละเอียดสำนวน”พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ด้านมี พ.ต.ท.สุภัทร์ธรรมธนารักษ์ ผบ.กองคดีการค้ามนุษย์ ดีเอสไอ ตอบคำถามนักข่าวถึงส่วนกรอบระยะเวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น ว่า ไม่สามารถตอบได้ ส่วนการเชิญ พล.ต.อ.สมยศ มาสอบสวนอีกหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็น ยังไม่สามารถตอบได้
“ส่วนจะมีการเรียกใครมาสอบสวนเพิ่มหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน หากพบใครเกี่ยวข้องกับนายกำพล จะเรียกมาสอบสวนทุกราย สำหรับการสอบปากคำ พล.ต.อ.สมยศ วันนี้ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ แต่เชิญมาในฐานะพยาน ซึ่งในการชี้แจงครั้งนี้ อดีต ผบ.ตร.มีการนำเอกสารมาประกอบการชี้แจงด้วย “ พ.ต.ท.สุภัทร์ กล่าว
วันเดียวกัน ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายยงยุทธ ติยะไพรัช เจ้าของฉายา”ยุทธ ตู้เย็น” อดีตประธานรัฐสภา มอบอำนาจให้ นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์, นายภาษิต หรือไก่ อภิญญาวาท, น.ส.พิชญทัฬห์ หรือไบรท์ จันทร์พุฒ และบริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด หรือช่อง 33 HD เป็นจำเลยที่ 1-4 เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับแต่วันฟ้อง
กรณีการดำเนินรายการ “ชูวิทย์มีเรื่องเล่า” ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ช่อง 33 HD โดยให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป โดยศาลนัดพร้อมคู่ความ ในวันที่ 21 พ.ค. นี้
ขณะเดียวกันยังได้ ยื่นฟ้องนายชูวิทย์, น.ส.อรชพร ชลาดล และบริษัท ทริปเปิล วี บรอดคาสท์ จำกัด หรือช่องไทยรัฐทีวี 32 เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่อง ละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวน 100ล้านบาท จากการดำเนินรายการ “ชูวิทย์ตีแสกหน้า” ออกอากาศทางช่องไทยรัฐรัฐทีวี 32 โดยให้จำเลยทั้งสามร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวนดังกล่าวนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป โดยศาลนัดพร้อมคู่ความในวันที่ 28 พ.ค. 2561
นายอุดม เปิดเผยว่า การฟ้องคดีนี้เนื่องจากการออกอากาศทั้ง 2 รายการดังกล่าว มีการกล่าวพาดพิงทำให้ประชาชนเข้าใจว่านายยงยุทธ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด หรือสิงห์เชียงรายยูไนเต็ด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงิน หรือการปั่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความเท็จ ทำให้นายยงยุทธได้รับความเสียหาย โดยที่นายยงยุทธ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ประการใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี