18 ก.พ.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(17ก.พ.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์หลวงไชยสุริยง เจ้าเมืองศีขรภูมิคนแรก หลังสถานีรถไฟศีขรภูมิ ต.ระเเง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ร.ต.อ.นครินทร์ เกตุสิริ นายอำเภอศีขรภูมิ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศีขรภูมิ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ ผู้อำนวยการสถานศึกษานายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน นักเรียน และนักศึกษาอำเภอศีขรภูมิ หลายพันคนเข้าร่วมพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์หลวงไชยสุริยง ประจำปี 2561 ผู้ก่อตั้งเมืองศีขรภูมิ พร้อมทั้งมีพิธีบายศรีสู่ขวัญบ้าน สู่ขวัญเมืองศีขรภูมิ และพิธีบวงสรวง โดยมีการการรำบวงสรวงสดุดี หลวงไชยสุริยง (เชียงไชย) เจ้าเมืองศีขรภูมิคน อย่างหนาแน่นเต็มท้องถนน และพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ฯอย่างไม่ลดน้อยลงหรือไม่ต่างจากปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว เพื่อเฉลิมฉลองก่อตั้งเมืองศีขรภูมิ 266 ปี อำเภอศีขรภูมิ เริ่มก่อตั้งบ้านเมืองมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2295 ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
โดยมี "เชียงไชย" เป็นหัวหน้าผู้ปกครอง ซึ่งต่อมาภายหลังได้ประกอบความดีความชอบในการปกครองราษฎรให้ได้อยู่เย็นเป็นสุข จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "ขุนไชยสุริยง" กองนอก และได้รับเลื่อนเป็น "หลวงไชยสุริยง" กองนอก ตามลำดับ ชาวอำเภอศีขรภูมิจึงถือว่า "หลวงไชยสุริยง" (เชียงไชย)เป็นเจ้าเมืองศีขรภูมิคนแรก และเป็นผู้คุณูปการต่อการวางรากฐานการปกครองและการพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขของชาวอำเภอศีขรภูมิจวบมาจนปัจจุบัน พ.ศ. 2412 ต้นสมัยรัฐกาลที่ 5 ขึ้นครองราชสมบัติ เจ้าเมืองสังขะได้กราบบังคมทูลขอยกบ้าน กุดไผท หรือบ้านจารพัฒขึ้นเป็นเมือง (ตำบลจารพัฒในปัจจุบัน) โปรดเกล้าให้เป็นเมือง "ศีขรภูมิพิสัย" ให้หลวงไชยสุริยง "พระศีขรมานุรักษ์" เป็นเจ้าเมือง
ต่อมาได้ย้ายที่ทำการมาตั้งที่บ้านโคกตะเคียนริมทางหลวงแผ่นดินที่ตัดใหม่ในท้องที่บ้านปราสาท ตำบลยางในขณะนั้น สร้างเป็นที่ทำการอำเภอชั่วคราว ครั้งถึงฤดูฝนปรากฏว่าน้ำจากทุ่งกุดไผทท่วมถึงจึงพิจารณาย้ายที่ทำการไปตั้งที่โคกอนันต์ (บ้านอนันต์ ตำบลยาง ตรงโรงเรียนบ้านอนันต์ ในปัจจุบัน) ตั้งที่ว่าการอำเภอถาวรตรงนั้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2454 ซึ่งเป็นสมัยแรกของการปกครองท้องที่จนถึงปี พ.ศ.2475 จึงย้ายมาตั้งที่บ้านระแงงที่มีการคมนาคมสะดวกมีรถไฟวิ่งผ่าน จึงเป็นที่ตั้งอำเภอศีขรภูมิในปัจจุบันนี้ ชื่อกุดไผท ศีขรภูมิพิสัย จึงค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน กระทั้งกรมสามัญศึกษาได้มาตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาที่อำเภอศีขรภูมิ ได้ตั้งชื่อโรงเรียนว่า "ศีขรภูมิพิสัย"และชื่อของกุดไผทก็นำมาใช้เป็นชื่อของโรงเรียน "กุดไผทประชาสรรค์"ในตำบลกุดหวาย อำเภอศีขรภูมิ
เพื่อเป็นลำลึกถึงคุณูประการที่มีต่อชาวอำเภอศีขรภูมิ ของ "หลวงไชยสุริยง"(เชียงไชย) เจ้าเมืองศีขรภูมิคนแรก ชมรมชาวอำเภอศีขรภูมิ จึงได้เสนอให้คณะกรรมการบริหารงานอำเภอศีขรภูมิ ก่อสร้างอนุสาวรีย์ "หลวงไชยสุริยง"(เชียงไชย) ขึ้น
วัตถุประสงค์ เป็นการระลึกและยกย่องเชิดชูหลวงไชยสุริยง(เชียงไชย)ให้เป็นที่รู้จักของอนุชนเยาวชนและประชาชนโดยทั่วไป เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามในการเคารพบูชาผู้มีคุณูประโยชน์แก่บ้านเมือง เป็นการหล่อหลอมจิตใจของชาวอำเภอศีขรภูมิให้เป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน สร้างจุดยึดเหนี่ยวจิตใจให้ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน โดยทั่วไปเกิดความรักความสามัคคีต่อกันมากยิ่งขึ้น ให้ประชาชนชาวอำเภอศีขรภูมิเคารพสักการะบรรพบุรุษ ผู้สร้างบ้านแปลงเมืองศีขรภูมิรู้คุณกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ควรแก่การยกย่องเชิดชู ให้ประชาชนและเยาวชนได้ทราบและศึกษาประวัติความเป็นมาของหลวงไชยสุริยง(เชียงไชย)และเมืองศีขรภูมิ
โดย ร.ตอ.ร้อยตำรวจเอก นครินทร์ เกตุสิริ นายอำเภอศีขรภูมิ ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาและคล้องมาลัยที่ตะขอช้างหลวงไชยสุริยง พร้อมประกอบพิธีเซ่นไหว้ บวงสรวงอนุสาวรีย์หลวงไชยสุริยง เจ้าเมืองศีขรภูมิคนแรก โดยมีศิลปินแห่งชาติ น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์ ร่วมพิธีบวงสรวง
หลังจากนั้นขบวนนางรำเริ่มรำบวงสรวงอนุสาวรีย์หลวงไชยสุริยง เจ้าเมืองศีขรภูมิคนแรกที่มีต่อชาวอำเภอศีขรภูมิ เพื่อความเป็นสิริมงคลและรำลึกคุณูประการ ณ บริเวณหลังสถานีรถไฟอำเภอศีขรภูมิ โดยมีนางรำครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 1,634 คน ประกอบไปด้วย ชาวกูย ลาว เขมร ในแต่ละหมู่บ้านของชาวอำเภอศีขรภูมิที่ได้เข้าร่วมการรำบวงสรวง ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี