วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เสนอขอตั้งงบประมาณกลางปี วงเงิน 6,461.9795 ล้านบาท เพื่อดำเนินการ 8 โครงการ โดยมีสหกรณ์ให้ความสนใจยื่นโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุน 708 แห่ง ซึ่งสำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์ปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรในส่วนของกรมส่งเสริมสหกรณ์วงเงิน 1,791.5341 ล้านบาท และมีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรจะได้รับการอุดหนุนงบดังกล่าว 319 แห่ง
โครงการที่จะใช้งบกลางปีดำเนินการ 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการพัฒนาสถาบันเกษตรกรจัดเก็บพืชผลทางการเกษตร หรือ โครงการแก้มลิง 1,017.9172 ล้านบาท สหกรณ์ 146 แห่ง 2.โครงการสนับสนุนอุปกรณ์แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร 410.9081 ล้านบาท สหกรณ์ 101 แห่ง 3.โครงการเพิ่มศักยภาพการรวบรวมและการแปรรูปยางพาราในสถาบันเกษตรกร งบประมาณ 340.4299 ล้านบาท สหกรณ์ 62 แห่ง และ 4.โครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของเกษตรกร (คทช.) งบประมาณ 22.2789 ล้านบาท สหกรณ์ 10 แห่ง
“การใช้งบฯที่ได้รับการอุดหนุนเพื่อนำไปดำเนินโครงการนี้ สหกรณ์ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของ นายทะเบียนสหกรณ์อย่างเคร่งครัด และดำเนินการภายใต้กรอบพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ 2560 ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการซักซ้อมเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปให้คำแนะนำและติดตามระหว่างที่สหกรณ์ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยจะต้องเข้าไปช่วยเหลือแนะนำในระหว่างการก่อสร้างจนกว่าจะแล้วเสร็จ และหากพบว่ามีปัญหาจะต้องแก้ไขในทันที ซึ่งจะมีการกำหนดหน้าที่ของผู้ที่จะเข้าไปติดตามการดำเนินโครงการที่ชัดเจนในแต่ละช่วงเวลาของการดำเนินโครงการ”
อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยังได้กล่าวถึงโครงการแก้มลิงผลผลิตการเกษตร เป็นโครงการที่สหกรณ์ต่างๆ ให้ความสนใจจำนวนมาก เมื่อกรมประกาศเชิญชวนให้สหกรณ์ที่มีความพร้อมแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการ พบว่า มีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้ความสนใจเสนอเข้าร่วมโครงการ 708 แห่ง วงเงินของบประมาณ 6,461.9795 ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรให้ได้เพียง 1,017.9172 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากหลักของการจัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้กับสหกรณ์ ต้องการให้กระจายทั่วถึงไม่กระจุกตัวเฉพาะบางพื้นที่ และในบางสหกรณ์ที่เสนอโครงการเข้ามาไม่สมบูรณ์และยังไม่มีความพร้อมที่จะดำเนินการ ก็จะไม่ได้รับการพิจารณา
ทั้งนี้ เมื่อสหกรณ์มีอุปกรณ์การตลาดและปัจจัยพื้นฐานที่จะรวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรได้เพิ่มขึ้น สหกรณ์จะต้องทำหน้าที่ในการขยายตลาดและมีการซื้อขายผลผลิตให้กับคู่ค้า ซึ่งอาจจะเป็นโรงสีในพื้นที่หรือพ่อค้าเอกชน ซึ่งในอดีต สหกรณ์ไม่จำเป็นต้องเรียกหนังสือค้ำประกันจากธนาคาร หรือ Bank Guarantee จากคู่ค้ามาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเมื่อจะทำสัญญาซื้อขายสินค้ากับบริษัทเอกชน แต่ในปัจจุบัน นายทะเบียนสหกรณ์ ได้มีหนังสือสั่งการสหกรณ์ให้เรียกหนังคือค้ำประกันของธนาคารจากผู้ที่มาทำสัญญาซื้อขายกับสหกรณ์ เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันและป้องกันการผิดนัดชำระเงินหรือยกเลิกสัญญาซื้อขาย ซึ่งเจตนารมณ์ของการใช้อำนาจของนายทะเบียนสหกรณ์ในการกำหนดให้ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันเมื่อมีสัญญาซื้อขายกับสหกรณ์นั้น เพื่อหลักประกันความเสี่ยงของสหกรณ์เอง และเป็นการเน้นย้ำให้คณะกรรมการสหกรณ์ดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับสหกรณ์ในอนาคตด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี