28 ม.ค.61 นายอัมพร พินะสา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินการคัดเลือกบุคคลและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา สังกัดสพฐ. ปี 2559 ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ซึ่งกำหนดให้ผู้ได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตามหลักเกณฑ์และวิธีการนี้ต้องได้รับการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานในหน้าที่เพื่อพัฒนาการศึกษา เป็นระยะเวลา 1 ปี โดย สพฐ.กำหนดองค์ประกอบ ตัวชี้วัด คะแนนการประเมินและวิธีการประเมิน ของผู้ได้รับการคัดเลือกและบรรจุแต่งตั้ง จำนวน 2,877 ราย ใน 183 เขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) รายงานข้อมูล ผู้ได้รับการประเมิน จำนวน 2,809 ราย ใน 178 เขต / สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ (สศศ.) มีผู้ผ่านการประเมิน 2,778 ราย ไม่ผ่าน 1 ราย อยู่ระหว่างการประเมิน 12 ราย เกษียณอายุราชการ 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย ลาออก 1 ราย ขาดคุณสมบัติ 7 ราย ทั้งนี้ สพท. ยังไม่ได้รายงานข้อมูลมี 5 เขต คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ขอนแก่น เขต 1 สพป.ปทุมธานี เขต 2 สพป.ลำปาง เขต1 สพป.ศรีสะเกษ เขต2 และ สพป.สระบุรี เขต2
ผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า จากการประเมินสัมฤทธิผลการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนาการศึกษา เป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่า ใช้งบประมาณในการประเมินจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อเป็นการคำนึงถึงการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า สพฐ. จึงได้วิเคราะห์ผลการดำเนินการเมิน ข้อดี และข้อจำกัด ดังนี้ ข้อดี คือ ทำให้ผู้รับการประเมินมีการวางแผนการปฏิบัติงานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติงานที่ชัดเจนตามข้อตกลง ทำให้มีเป้าหมายในการปฏิบัติหน้าที่ ที่ปรึกษา/พี่เลี้ยง กำกับ ดูแลให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง และสามารถแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องต่าง ๆที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานได้ทันเวลา เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ร่วมกัน สร้างความตระหนักในการทำงานแบบมีส่วนร่วม ระหว่างที่ปรึกษา/พี่เลี้ยง ครู ผู้ปกครอง ชุมชน และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นแรงกระตุ้นและหาแนวทางการพัฒนาผลการปฏิบัติงานได้ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมและวิธีการทำงานที่มิได้มุ่งเพียงเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติงาน หรือการวัดผลงานเท่านั้น และการประเมินสัมฤทธิ์ผลในการปฏิบัติงานยังสามารถนำไปปรับใช้ในงานบริหารบุคคลด้านอื่น ๆ เช่น การพิจารณาความดี ความชอบ เป็นต้น
นายอัมพร กล่าวด้วยว่า ส่วนข้อจำกัด คือ องค์ประกอบตัวชี้วัดบางข้อ อาจไม่เป็นธรรมต่อผู้รับการประเมิน เนื่องจากสถานศึกษาแต่ละแห่งมีความพร้อมของอุปกรณ์ สื่อสารเรียนรู้รวมถึงความพร้อมของนักเรียนที่แตกต่างกัน ผู้รับการประเมินบางคนไม่มีประสบการณ์ด้านการบริหารงานมาก่อน ต้องใช้เวลาในการปรับตัวและเรียนรู้ที่แตกต่างกัน การแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และคณะกรรมการการประเมิน จำนวนหลายชุด ส่งผลให้มีการใช้งบประมาณจำนวนมาก
“การทดลองงาน 1 ปี มีประโยชน์มาก ทำให้ผู้บริหารใหม่ได้ออกแบบการบริหารโรงเรียนในอุดมคติ และนำไปทดลองใช้จริง เห็นปัญหาและได้เรียนรู้การแก้ปัญหาจากพี่เลี้ยง ทำให้เห็นเทคนิคการทำงานที่สำเร็จ ทำให้เกิดคุณภาพการศึกษา แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อทบทวนถึงความจำเป็น ว่า ควรต้องทดลองงานผอ.สถานศึกษา 1 ปี หรือไม่นั้น ที่ผ่านมา สพฐ. ได้ตั้งคณะทำงาน ประกอบด้วย ผอ.สพท. รองผอ.สพท. ผู้บริหารสถานศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการประเมินดังกล่าว ซึ่งโดยรวมมีความเห็นว่า ผู้รับการประเมินมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง เพื่อพัฒนาสถานศึกษา กลุ่มผู้รับการประเมินมีความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตระหนักในการปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจของผอ.สถานศึกษาให้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น ดังนั้น
หาก ก.ค.ศ.ยังกำหนดหลักเกณฑ์ให้มีการประเมินสัมฤทธิ์ผลในการปฏิบัติหน้าที่ 1 ปี สพฐ.ควรต้องกำหนดตัวชี้วัด คะแนนการประเมิน และวิธีการให้สอดคล้องและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ สพฐ. จะเสนอรายงานผลการประเมินดังกล่าวให้คณะกรรมการ ก.ค.ศ. ที่มี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศธ. เป็นประธานพิจารณา ส่วนตำแหน่งที่ว่างนั้น สพฐ.จะต้องดำเนินการสรรหาใหม่ต่อไป” นายอัมพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี