ไปๆ มาๆ เรื่องเศรษฐีล่าเสือดำทำให้งานเข้ากระทรวงเกษตรฯ ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย เหตุเพราะการตีความกฎหมายของบางคน ทำให้เป็นเรื่องดราม่าหน้าสื่อจนได้....
อัน พ.ร.บ. ที่กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ ดูแล คือ พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ และจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ซึ่งประกาศใช้ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ เนื่องมาจากก่อนหน้านั้นมีข่าวในสื่อต่างๆ บ่อยครั้งที่มีการจับสุนัขใส่กรงแบบแออัดยัดเยียด อดอาหาร ผอมโซ เจ็บไข้ได้ป่วย เพื่อขนส่งไปขายบ้าง มีการทารุณสัตว์เลี้ยงบ้าง หรือมีการใช้แรงงานสัตว์แบบทารุณบ้าง สร้างความไม่สบายใจให้ประชาชนผู้มีจิตเมตตาทั่วๆ ไป เพราะสัตว์เป็นสิ่งที่มีชีวิต มีความรู้สึก และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสิ่งแวดล้อม
จึงมีการผลักดันให้มีการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสัตว์มิให้ถูกทารุณกรรม และเจ้าของสัตว์ซึ่งนำสัตว์มาเลี้ยงจะต้องจัดสวัสดิภาพให้เหมาะสมตามประเภท และชนิดของสัตว์ ทั้งในระหว่างเลี้ยงดู ขนส่ง ใช้งาน หรือใช้ในการแสดง
พ.ร.บ.ฉบับนี้จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และจัดการสวัสดิภาพสัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้รับการคุ้มครองตามธรรมชาติของสัตว์อย่างเหมาะสม โดยได้ให้คำนิยาม คำว่า “สัตว์” ในพ.ร.บ.ฉบับนี้ไว้ว่า
“สัตว์” หมายความว่า สัตว์ที่โดยปกติเลี้ยงไว้เพื่อเป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้งาน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นพาหนะ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นเพื่อน สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการแสดง หรือ สัตว์เลี้ยงเพื่อใช้ในการอื่นใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีเจ้าของหรือไม่ก็ตาม และหมายความรวมถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
วรรคสุดท้ายนี้เอง ที่งานเข้ากระทรวงเกษตรฯ เพราะรัฐมนตรีไม่ประกาศกำหนดเสียที เป็นเหตุให้เศรษฐล่าเสือดำโดยการยิงด้วยปืนลูกซองพ้นข้อหาทารุณกรรมสัตว์ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ เพราะเสือดำตัวนั้นไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เป็นสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติ
ดูเหมือนคนกล่าวหากระทรวงเกษตรฯ คงไม่มีอะไรทำ จับประเด็น “เรื่องไม่เป็นเรื่อง” มาทำให้เป็นเรื่อง ถึงขั้นกล่าวหา 2 รัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น อดีต รมว.เกษตรฯ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ หรือ รมว.เกษตรฯปัจจุบัน กฤษฎา บุญราช ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่...
ถ้ากำหนดให้เสือ เป็นสัตว์ในธรรมชาติที่ต้องให้ พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ฯ คุ้มครอง ก็คงต้อง กำหนดให้ สิงโต เก้ง กวาง แรด ช้าง กระทิง และอื่นๆ อีกสารพัดสัตว์ เป็นสัตว์ในธรรมชาติที่อยู่ภายใต้พ.ร.บ. นี้ด้วยเพราะลักษณะอยู่ในธรรมชาติ คือป่า เหมือนๆ กัน
โทษของการทารุณกรรมสัตว์ ด้วยการฆ่า หรือตัดอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่ง ของสัตว์ตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่เสือดำเป็นสัตว์ในธรรมชาติ ที่อาศัยอยู่ในป่า เขาเรียกว่า “สัตว์ป่า” สัตว์ป่า มี พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 คุ้มครองอยู่ และเสือดำไม่ใช่สัตว์ป่าธรรมดา แต่เป็นสัตว์ป่าที่หายาก จึงขึ้นบัญชีเป็น “สัตว์ป่าสงวน” และ “สัตว์ป่าคุ้มครอง” ถ้าผู้ใดล่า (ดัก จับ ฆ่า) จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โทษสูงกว่าการทารุณกรรมสัตว์
ผู้ที่สร้างประเด็นข้อหาทารุณกรรมสัตว์ให้กับเศรษฐีล่าเสือดำน่าจะรู้อยู่แก่ใจ และน่าจะแยกแยะ ประเภทของ“สัตว์” ภายใต้พ.ร.บ. 2 ฉบับนี้ได้ ...แต่ถ้าต้องการสร้างข่าว...ก็ไม่ว่ากัน
กระนั้นก็ตามข้อกล่าวหา 2 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็ส่งผลให้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ อภัย สุทธิสังข์ งานเข้าไปด้วย จึงจะเร่งออกประกาศ กำหนดชนิดของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ ที่ใช้ พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ และจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 คุ้มครองอย่างเร่งด่วนต่อไป
ความจริงจะบอกกันตรงๆ ก็ได้ ไม่ต้องไปอ้อมถึงการล่าเสือดำ แล้วค่อยวกมาหากระทรวงเกษตรฯ ทำให้งง...เสียเวลาเปล่าๆ...
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี