วันอาทิตย์ ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องการแก้ปัญหาเกี่ยวกับน้ำของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำ เพราะน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศ
แต่ปัจจุบันมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำกว่า 30 หน่วยงาน ทำงานซ้ำซ้อนขาดประสิทธิภาพ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และนายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่ง ที่ 46/2560 จัดตั้ง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบมีเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อนของหน่วยงาน โดยทำหน้าที่บูรณาการงาน ข้อมูล แผนงาน โครงการ งบประมาณ ตลอดจนการติดตามประเมินผล และควบคุมการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการน้ำของประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย
โครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาร จ.เชียงใหม่ เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้งบมากกว่า 15,000 ล้านบาท ที่ถูกนำมาเร่งรัดดำเนินการตามคำสั่งการดังกล่าว เนื่องจากมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน โดยมีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาการดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ค่อนข้างจะล่าช้า จึงได้สั่งการให้ สทนช. เร่งรัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบายและพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในเรื่องการสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำภาคการผลิต (เกษตรและอุตสาหกรรม) และการจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย ซึ่งโครงการนี้จะสามารถสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำ แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ น้ำท่วม และคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำปิงได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
.jpg)
ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า ในปัจจุบันการเติบโตทั้งทางด้านการท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการขยายตัวของชุมชนในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่สูงกว่าปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นปริมาณปีละ 137 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) และในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนน้ำมากถึงปีละ 173 ล้านลบ.ม.
โครงการเพิ่มปริมาณนํ้าในอ่างเก็บนํ้าเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการพัฒนาลุ่มน้ำปิงตอนบนซึ่งมีลุ่มน้ำสาขาสำคัญๆ 3 ลุ่มน้ำคือ ลุ่มน้ำแม่กวง ลุ่มน้ำแม่งัด และลุ่มน้ำแม่แตง โดยที่ผ่านมาได้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่ปี พ.ศ.2519 เพื่อประโยชน์ด้านอุปโภค บริโภค และการเกษตร ในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่และลำพูน แต่มีปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการ ประกอบน้ำปริมาณน้ำท่าที่ไหลลงอ่างฯโดยเฉลี่ยในแต่ละปีจะมีน้อยกว่าปริมาณความจุ ในขณะที่ปริมาณน้ำท่า ในลุ่มน้ำแม่งัด และแม่แตง ในฤดูฝนจะมีปริมาณน้ำมากเกินความต้องการเกิดภาวะน้ำท่วมเป็นประจำ
ดังนั้นเพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในทั้ง 3 ลุ่มน้ำดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นลุ่มน้ำสาขาของลุ่มน้ำปิง เกิดประโยชน์สูงสุด จึงได้ดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราดังกล่าว โดยเจาะอุโมงค์ส่งน้ำเพื่อส่งน้ำจากลำน้ำแม่แตง ในส่วนที่เกินความต้องการช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ประมาณ 113 ล้านลบ.ม.ต่อปี ไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล และผันน้ำส่วนเกินของอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ประมาณ 47 ล้านลบ.ม.ต่อปี ผ่านอุโมงค์ส่งน้ำไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา รวมปริมาณน้ำที่ผันทั้งสิ้นประมาณ 160 ล้านลบ.ม.ต่อปี
นอกจากนี้ยังจะดำเนินโครงการส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล กลับไปยังระบบส่งน้ำของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง เพื่อสนับสนุนให้พื้นที่การเกษตรในลุ่มน้ำแม่แตงในฤดูแล้งประมาณ 25 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่อยู่ทั้ง 3 ลุ่มน้ำย่อยของลุ่มน้ำปิง ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ทำให้มีความมั่นคงในเรื่องน้ำตลอดปี ทั้งน้ำเพื่อการเกษตร การอุปโภคบริโภค ลดปัญหาน้ำท่วมโดยเฉพาะในลุ่มน้ำแม่แตง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่
.jpg)
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างจะล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากซึ่งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีการเจาะอุโมงค์ส่งน้ำที่ใหญ่และยาวที่สุดในประเทศไทย ทำให้มีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้อง
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า แม้การดำเนินงานขณะนี้จะล่าช้าไปบ้าง กรมชลประทานจะบูรณาการกับ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินงานโครงการดังกล่าว ให้แล้วเสร็จตามแผนงาน คือ ภายในปี 2564 เพื่อสร้างความมั่นคงในเรื่องน้ำ แก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำ ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำปิงอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
สำหรับความก้าวหน้าในการก่อสร้างนั้น ซึ่งจะแบ่งการขุดเจาะอุโมงค์ส่งน้ำออกเป็น 2 ช่วง ด้วยกันคือ อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่งัด-แม่กวง และอาคารประกอบ ระยะทาง 22.975 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 4,713 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้า 26.604% ส่วนช่วงที่ 2 คือ อุโมงค์ส่งน้ำช่วงแม่แตง-แม่งัดและอาคารประกอบ ระยะทาง 25.624 กิโลเมตร ปัจจุบันสามารถขุดได้ระยะทาง 647 เมตร คิดเป็นความก้าวหน้า 9.945 %
ส่วนการขอใช้พื้นที่ในการดำเนินโครงการในส่วนที่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ประมาณ 745 ไร่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุมัติเรียบร้อยแล้ว จะเหลือ
เฉพาะพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีลานนา จำนวนประมาณ 229 ไร่ อยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรี เห็นชอบในหลักการเพิกถอนพื้นที่อุทยานแห่งชาติ
“เมื่อโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธาราเฉลี่ยปีละประมาณ 160 ล้านลบ.ม. ซึ่งจะใช้ในการเกษตร อุปโภค-บริโภค อุตสาหกรรม และรักษาระบบนิเวศ ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการส่งน้ำของพื้นที่ชลประทานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จำนวน 175,000 ไร่ และ เพิ่มพื้นที่เพาะปลูกช่วงฤดูแล้งของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แตง จำนวน 14,550 ไร่ ช่วยสนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค การท่องเที่ยว และภาคอุตสาหกรรม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน จากปีละ 13.31 ล้านลบ.ม. เป็น 49.99 ล้านลบ.ม.” อธิบดีกรมชลประทานกล่าว
นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังจะเพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการจัดการน้ำในลุ่มน้ำปิงตอนบน โดยกรมชลประทานจะนำระบบโทรมาตรและระบบเตือนภัยน้ำท่วมมาใช้ในการบริหารจัดการน้ำและเตือนภัยจากน้ำหลากที่เกิดขึ้นล่วงหน้าอีกด้วย
สทนช.จะเป็นหน่วยงานหลักร่วมบูรณาการกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างอุโมงค์ส่งน้ำที่ใหญ่จะยาวที่สุดในประเทศไทยครั้งนี้ สำเร็จได้ตามเป้าหมายหรือไม่ ปี 2564 รู้กัน....
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี