7 มี.ค.61 พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) แถลงผลการดำเนินการกวาดล้างเครือข่ายค้ายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/4 ระหว่างวันที่ 19 ก.พ. - 7 มี.ค.61
โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดรวม 29 คดี ผู้ต้องหา 42 คน ยึดยาเสพติด ทั้งยาบ้า 2.1 ล้านเม็ด , กัญชา 1,590 กิโลกรัม , โคเคน 2 กิโลกรัม อาวุธปืน รถยนต์ เงิน และทรัพย์สินอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 725 ล้านบาท
มีคดีที่น่าสนใจ คือ การจับกุม นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมยึดทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 258 ล้านบาท หลังตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 (บก.ปส2) ขยายผลจับกุมเครือข่ายยาไอซ์ข้ามชาติของ นายโกศล ศรีมงคล กับพวก รวม 5 ราย เมื่อวัน 28 ก.ค.60 นายฮาร์ปรีททำหน้าที่ด้านการเงินให้กับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งตำรวจติดตามพฤติกรรมมานานกว่า 20 ปี แต่ไม่สามารถจับกุมได้
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า การจับกุมนายฮาร์ปรีท เจ้าหน้าที่พบหลักฐานการโอนเงินหลายครั้งไปให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในการซื้อรถยนต์เพื่อนำมาดัดแปลง ลักลอบลำเลียงยาเสพติด อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเส้นทาง ในขณะนี้แม้ว่า นายฮาร์ปรีทจะไม่รับสารภาพ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจในหลักฐานทางการเงินที่ชัดเจนมีความเชื่อมโยงสามารถเอาผิดได้ และยังมีกลุ่มชาวอินเดียที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยอีกหลายคนที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่จับตาดูพฤติกรรมอยู่
นอกจากนี้ ยังมีคดีอื่นๆ คือ การจับกุม ด.ต.จิตรภานุ สุวรรณกุล หรือดาบสม พร้อมยึดทรัพย์สินประมาณ 7 ล้านบาท การจับกุม นายวันเฉลิม กมลเลิศ หนือโน้ต ดินแเดง ยึดยาไอซ์ 2 กิโลกรรัม
ทางด้าน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากที่ผ่านมา ตำรวจเน้นปราบปรามกลุ่มวงจรที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินให้กับเครือข่ายยาเสพติดมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.61) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย นำกำลังชุดสยบไพรี บช.ปส.เจ้าหน้าที่กองปราบ และหน่วยงานอื่นๆ ร่วมปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/4 โดยมีการเข้าตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน 30 จุด โดยจะมีจุดสำคัญ 3 จุด ซึ่งเป็นจุดที่เกี่ยวข้องกับนายทุน ผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากการตรวจค้นบ้านพัก ภายในซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา พบ นายฮาร์ปรีท ชาวไทยเชื้อสายอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่เกี่ยวข้องยาเสพติด มีความเชื่อมโยงจากเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดที่เคยถูกจับมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการจับผู้ต้องหาค้า ยึดของกลางเป็นไอซ์ 400 กิโลกรัม เมื่อเดือน ก.ค.รวมถึงไอซ์ 282 กิโลกรัม ที่ลักลอบลำเลียงทางรถไฟเมื่อปีที่แล้ว หลักฐานสำคัญคือหลักฐานการโอนเงินไปกว่า 3 ล้านบาท เพื่อให้ผู้ต้องหาไปซื้อรถยนต์มาดัดแปลง เพื่อลำเลียงยาเสพติด
ขณะที่ พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นพบผู้ต้องหาทำธุรกิจบังหน้าหลายอย่าง ทั้งธุรกิจค้าขายเสื้อผ้า ห้องเช่า ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นหาพยานหลักฐานมาประกอบสำนวนคดี จนนำไปสู่การเชื่อมโยงถึงกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด และขอศาลออกหมายจับได้ซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ร่วมค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่งในไทย แม้ผู้ต้องหาจะยังให้การปฏิเสธ แต่ยืนยันว่ามีกลักฐานชัดเจน ว่าเชื่อมโยงกับนักค้ายาเสพติดภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
ทั้งนี้ นายฮาร์ปรีท สนับสนุนช่วยเหลือธุรกิจค้ายาเสพติด เช่น คดีการจับกุมไอซ์ 400 กก.ผู้ต้องหา 12 ราย ให้ความร่วมมือดี จึงได้เอกสารเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน เราจึงนำเอกสารดังกล่าวมาสืบสวนขยายผลการจับกุมเพิ่มเติม จนทราบว่านายฮาร์ปรีท เป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ค้า เพื่อไปซื้อรถสำหรับใช้ในการขนย้ายยาเสพติด จึงเห็นได้ชัดว่ามีการเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งตอนนี้ยังคงให้การปฏิเสธเป็นเรื่องปกติของผู้ต้องหาจะปฏิเสธ เพราะหากรับสารภาพเลยคงจะง่ายเกินไป เนื่องจากผู้ต้องหาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว
"ผู้ต้องหารายนี้ หากเปรียบได้ ก็เป็นพ่อของเอกอ้วน พ่อจะสั่งให้ลูกทำ อย่างน้อยตอนนี้สามารจับรายใหญ่ได้แล้ว ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการขยายผลการจับกุมว่า ผู้ต้องหารายนี้พึ่งกลับจากประเทศสิงคโปร์ เหตุที่ผู้ต้องหาเดินทางไปต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ไปทำอะไร ที่ไหน และไปหาใคร" พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว
มีรายงานว่า ตำรวจแกะรอยจากเส้นทางการเงินในบัญชีของผู้ต้องหา พบว่ามีผู้ฝากเงินสดเข้ามาในบัญชี 2 ครั้ง ครั้งแรกจำนวน 1,000,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ก.ค.60 ซึ่งผู้ต้องหาก็อ้างว่า เป็นเงินที่นายฮาร์ปรีท ให้นำมาซื้อรถยนต์ เพื่อลำเลียงยาเสพติดโดยเฉพาะ ครั้งที่ 2 มีเงินเข้าในบัญชี 1,100,000 บาท เมื่อวันที่ 24 ก.ค.60 เป็นค่าจ้างในการลำเลียงยาเสพติด ทั้งนี้ ตำรวจเฝ้าติดตามพฤติกรรมมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี รวมทั้งแกะรอยเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกลุ่มค้ายาเสพติดอีกกว่า 1 ปี จนสามารถขอศาลอนุมัติหมายจับได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี