เจ้าหน้าที่ สช.ลงพื้นที่กาญจนบุรีหารือร่วมศึกษาธิการจังหวัดติดตามคดีโรงเรียนเอกชนนำเด็กไร้ตัวตนเบิกงบรายหัว เผยพบอุปสรรคเหตุอยู่ระหว่างปิดเทอม ชี้อีกไม่นานข้อเท็จจริงชัดเจน หากพบผิดโดนทั้งอาญา-แพ่ง
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (23 มี.ค.61) นายชลำ อรรถธรรม รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) มอบหมายให้ นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และ น.ส.ศรีวรรณ จันทร์เชื้อ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)เดินทางเข้าพบนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี และนายโอภาส ต้นทอง รองศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี ที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อหารือแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวว่าพบโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งของจังหวัดกาญจนบุรี มีพฤติกรรมการทุจริต ด้วยการนำรายชื่อเด็กนักเรียนที่ไม่มีตัวตน มาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำหรับโรงเรียนเอกชนดังกล่าว เปิดสอนในระดับอนุบาลจนถึงชั้นปฐมศึกษา ซึ่งการประชุมหารือใช้เวลาประมาณ 40 นาทีจึงแล้วเสร็จ
นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) เปิดเผยว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เนื่องจากเราได้รับข่าวสารว่ามีโรงเรียนเอกชนดำเนินการนำเด็กที่ไม่มีตัวตนมาเบิกเงินรายหัว ที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และงบประมาณดังกล่าวได้รับมาจากรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง
เบื้องต้นเรายังไม่ทราบข้อเท็จจริงว่ามีมากน้อยขนาดไหน จึงเดินทางมาที่สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (ศธจ.) เพื่อที่จะหาแนวทางตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่ง ศธจ.จะเป็นด่านแรกที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องของหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะชัดเจนมากกว่า
ถามว่าจากกรณีการทุจริตดังกล่าวจะส่งผลลุกลามไปทั่วประเทศหรือไม่ ก็มีส่วนเป็นไปได้ในกรณีเด็กซ้ำซ้อนมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ซึ่งในแต่ละที่จะเกิดในลักษณะแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงเรียนมีเจตนาอย่างไร ซึ่งถ้าเกิดซ้ำซ้อนในลักษณะของเอกชนด้วยกัน เรามีระบบการป้องกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดซ้ำซ้อนกับที่อื่น เช่นซ้ำซ้อนกับโรงเรียนอื่นที่มีตัวตนอยู่ แต่ทางโรงเรียนของตนเองไม่มีเด็กเป็นต้น อย่างนี้เป็นการผิดพลาดในการเจตานา หรือไม่เจตนา เราต้องดูให้ละเอียด แต่ถ้าเป็นการซ้ำซ้อนโดยที่มีเด็กอยู่ แต่อีกหนึ่งโรงเรียนไม่มีเด็ก อันนี้ถือว่าข้อมูลของเรานั้นชัดเจน เพราะเป็นโรงเรียนที่มีสิทธิ์เบิกเงินรายหัวได้ตามปกติ
สำหรับขั้นตอนในการดำเนินคดี คือหากตรวจพบ เช่นต้องดูก่อนว่าการเบิกจ่ายเด็กซ้ำซ้อนจะมีความผิดแบบไหนบ้าง คือ 1 ข้อมูลผิดพลาด ข้อมูลผิดพลาดในที่นี้หมายความว่า ทางโรงเรียนมีเด็กที่มีตัวตนอยู่ แล้วเอามาเบิกรายหัว กรณีแบบนี้อาจจะมีสามเหตุคือเด็กลาเรียน หรือขาดเรียนแล้วแต่กรณี ซึ่งทางโรงเรียนอาจจะรู้ก็ได้หรือไม่รู้ก็ได้ นี่คือความผิดพลาดที่ทาง สช.สามารถเรียกเงินคืนได้
แต่ถ้าเกิดจากกรณีเบิกด้วยเจตนา หรือโกงเด็กด้วยเจตนาคือนำเด็กเข้ามาสวม และถ้าเกิดทางศึกษาธิการจังหวัด หรือ สช.เข้าตรวจพบ กรณีแรกเลยคือการเรียกเงินคืน สองจะต้องดำเดินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา และอาจจะมีการปรับรวมทั้งลงโทษทางโรงเรียนด้วย แต่อย่างไรก็ต้องเรียกเงินคืนอยู่แล้ว เพราะเงินจำนวนดังกล่าวทางรัฐบาลจัดสรรมาให้ โรงเรียนไม่มีสิทธิ์นำเงินไปใช้จ่ายโดยเด็ดขาด
สำหรับการเข้าตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นของเอกชนนั้นไม่ได้มีอุปสรรค เพราะจริงๆแล้วเรามีระเบียบ แนวทางและหลักเกณฑ์อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ในการเข้าดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนจะมีขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งทางโรงเรียนจะต้องยื่นขอรับเงินอุดหนุนทุกปี หน้าที่หลักของ ศธจ.หรือ สจ.จะต้องเข้าไปตรวจสอบโรงเรียนที่มีสิทธิ์รับทุน
นายจาตุรงค์ ม่วงน้ำเงิน เปิดเผยต่อว่า สำหรับข้อมูลการทุจริตของโรงเรียนเอกชน เบื้องต้นขณะนี้เราเพียงแค่ได้ทราบข่าวจากทางหนังสือพิมพ์ หลังจากมีการนำเสนอข่าว ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี (ศธจ.) ก็จะเป็นผู้ดำเนินการเก็บหลักฐาน ซึ่งเรายังไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นโรงเรียนไหน แต่เราจะมองในภาพรวมทั้งหมด โดย ศธจ.จะเข้าไปตรวจโรงเรียนเอกชนแต่ละแห่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนตัวเลขความเสียหายที่ทราบจากทางสื่อ ถึงแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แต่นี่คือเงินงบประมาณของรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนจึงถือได้ว่าเสียหายเป็นจำนวนมาก
ด้านนายอนันต์ กัลปะ ศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวจากสื่อมวลชน ศธจ.ก็ได้รับการประสานจากคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งเราก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เราได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา และได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งทันที และนอกจากนั้นเราได้ไปเจาะข่าวที่เบาะแสที่ได้รับ ซึ่งก็พบว่ามีเบาะแสข้อเท็จจริงในบางส่วนและ ศธจ.จะดำเนินการตรวจสอบในเชิงลึกในทุกๆโรงเรียนของเอกชนที่มีอยู่ ทั้งหมด 24 โรงเรียน
เมื่อเราได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว แนวโน้มค่อนข้างที่จะเป็นไปตามที่สื่อได้นำเสนอข่าว ประเด็นหนึ่งก็คือเรื่องของเด็กซ้ำซ้อน และอีกประเด็นคือนำเด็กที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์การเรียน มาเบิกเงินรายหัว แต่ในรายละเอียดเรื่องนี้เบื้องต้นพบเพียงแค่สองรายเท่านั้น แต่จากหลังฐานที่เราได้มาล่าสุดซึ่งไม่ใช่การได้มาจากส่วนราชการ คือเราได้หลักฐานมาอย่างไม่เป็นทางการ และเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง
ดังนั้น วันนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้ทำหนังสือไปถึงโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ของเราเข้าไปตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องเอกสารทางทะเบียนราษฎร์ ตามรายชื่อของเด็กที่ปรากฏ แต่จะต้องไปตรวจสอบเอกสารที่โรงเรียนอีกครั้งหนึ่งว่า มีการแก้ไขเอกสารสูติบัตรหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานนี้ (22 มี.ค.)เจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปที่โรงเรียนแล้ว แต่บังเอิญอยู่ระหว่างปิดเทอม และบุคลากรของโรงเรียนที่ทำเรื่องนี้ไม่อยู่ จึงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เราจึงได้มาเพียงแค่พยานแวดล้อมที่เป็นของเราเอง และถ้าหากได้เอกสารจากทางโรงเรียนมา เรื่องก็จะชัดเจนทันที
จากนั้นก็จะสามารถระบุได้เลยว่า ทางโรงเรียนได้กระทำในกรณีใดบ้าง ส่วนเรื่องเด็กซ้ำซ้อนหลักฐานที่มีอยู่นั้นค่อนข้างชัดเจน และหลังจากได้หลักฐานครบทั้งหมดเมื่อพิจารณาร่วมกันแล้วพบว่าคดีมีมูล ก็จะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี