“บิ๊กตู่” ขอบคุณนายจ้าง-แรงงานต่างด้าว ร่วมมือลงทะเบียน ยอดทะลุกว่าล้านคนย้ำฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย ด้านรมว.แรงงาน แถลงสรุปยอดลงทะเบียน 1.3 ล้านคน หรือร้อยละ 96 ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด
ย้ำผู้ไม่มาลงทะเบียน5.9หมื่น หมดสิทธิ์ทำงานในไทย เตรียมลงดาบนายจ้างที่ไม่มาดำเนินการ
เมื่อวันที่ 1 เมษายน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รับทราบข้อมูลการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวเบื้องต้น หลังจากปิดรับลงทะเบียน เมื่อเวลา 24.00 น. วานนี้ (31 มี.ค.61) โดยตัวเลขล่าสุดที่มีการรวบรวมไว้ ณ เวลา 12.00 น. วันนี้ มีแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ลงทะเบียนที่ศูนย์บริการ OSS และผ่านระบบออนไลน์ รวม 1,304,269 คน จากจำนวนแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 1,379,252 คน คงเหลือ 74,983 คน โดยนายกฯ ขอบคุณนายจ้างและแรงงานต่างด้าวที่ให้ความร่วมมือไปลงทะเบียนแสดงตน เพื่อให้สามารถดูแลคุณภาพชีวิตของทุกคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลใส่ใจมาโดยตลอด รวมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานทั่วประเทศที่ทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายของการลงทะเบียน
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงแรงงานจะรวบรวมรวมรายชื่อและจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด และประมวลผลวางแผนกำหนดสถานที่และวันเวลา เพื่อให้นายจ้างพาแรงงานต่างด้าวไปดำเนินการทุกขั้นตอนให้แล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย.61 โดยจะส่ง SMS แจ้งไปยังนายจ้างต่อไป ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ไม่ได้ดำเนินการตามกำหนดนั้นจะไม่สามารถอยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยได้ และมีความผิดต้องรับโทษหากฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นเดียวกับนายจ้างที่รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานด้วย
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่อัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ที่อยู่ระหว่าง 308 – 330 บาทต่อวัน มีผลบังคับใช้ทั่วประเทศแล้ว ซึ่งจะช่วยให้นายจ้างและลูกจ้างอยู่ได้ในสภาพปัจจุบัน และยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยได้กำชับให้กระทรวงแรงงานกำกับดูแลสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานควบคู่กันไป เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศด้วย ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงานทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว เพราะเป็นทรัพยากรบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความเจริญเติบโตของประเทศ จึงอยากให้มีความสุข สามารถดูแลตนเองและครอบครัวได้ โดยขอให้หมั่นพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน
ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน กล่าวถึงการปิดศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (โอเอสเอส) เพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว 3สัญชาติ คือ กัมพูชา ลาว พม่า ที่ประทรวงแรงงานว่า เมื่อวันที่ 31มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งวันสุดท้ายของศูนย์โอเอสเอสได้เปิดดำเนินการจนถึงเวลา 24.00 น.โดยพบว่า มียอดลงทะเบียน 1,320,035 คน คิดเป็น96% จากเป้าหมายแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 1,379,252คน โดยพบว่ามีแรงงานต่างด้าวจำนวน 59,217คน ที่ไม่มารายงานตัว ดังนั้นส่วนนี้ถือว่าไม่มีสถานะการทำงานในประเทศไทย หากตรวจพบจะมีความผิดตามกฎหมาย สำหรับผู้ลงทะเบียน 1,320,035 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ดำเนินการทุกขั้นตอน มีการพิสูจน์สัญชาติ ทำวีซ่า สามารถทำงานในเมืองไทยได้ถึงปี2563 จำนวน 961,946 คน กลุ่มที่ยังดำเนินการไม่ครบขั้นตอน คือ ตีวีซ่าและขอเวิร์ค เพอร์มิต จำนวน 127,429คนและมาลงทะเบียนเพื่อรอทำตามขั้นตอน 40,604 คน และลงทะเบียนออนไลน์เพื่อรอทำตามขั้นตอน 190,056คน
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า หลังวันที่ 31มีนาคมนี้ แรงงานต่างด้าวที่ไม่มาขึ้นทะเบียนจะถือว่าเป็นแรงงานเถื่อน ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต มีโทษปรับ 5,000- 50-000 บาท ส่วนนายจ้างที่จ้างงานแรงงานต่างด้าวเถื่อนก็จะมีความผิด ต้องระวางโทษปรับ 10,000-100,000 บาท ต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน และหากทำผิดซ้ำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 50,000-200,000 บาท ต่อแรงงานต่างด้าว 1 คน และห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวเป็นเวลา 3 ปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี