รมว.เกษตรฯเตรียมรับมือภัยแล้ง พบ 23 จังหวัด 74 อำเภอ เสี่ยงขาดน้ำทำเกษตร ยัน 35 เขื่อนน้ำพอใช้ สำรองไว้ทิ้งช่วง 1 หมื่นล้านลบ.ม. มีน้ำให้เล่นสงกรานต์แต่ขอ ปชช.ใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อเป็นต้นทุนปีต่อไป พร้อมวอนชาวนาหยุดทำนาปรังรอบสอง"
2 เม.ย.61 ที่ศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายลักษณ์ วจนานวัช นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรฯ พร้อมผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์ไปยังสำนักงานชลประทานทั่วประเทศ เตรียมแผนรับมือภัยแล้งปีนี้ โดยนายกฤษฏา กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีนี้ มีความต้องการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วงเดือนเม.ย. จะใช้น้ำสูงสุด เพราะสภาพอากาศร้อนขึ้นรวมทั้งเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ใช้น้ำอย่างประหยัดเพื่อเป็นน้ำต้นทุนสะสมปีต่อไป แม้สถานการณ์น้ำในปีนี้ จะดีกว่าปีที่แล้ว แต่ยังคงมีพื้นที่เสี่ยงภัยที่ต้องเฝ้าระวัง โดยข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรร้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ประเมินความเสี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัยระดับอำเภอ ตั้งแต่มีนาคมถึงเมษายน พบว่า ไม่มีพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค แต่มีพื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร พบว่ามี 23 จังหวัด 74 อำเภอ เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด เช่น กำแพงเพชร เชียงราย ตาก นครสวรรค์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา เป็นพื้นที่เสี่ยงขาดน้ำทำเกษตร โดยกระทรวงเกษตรเตรียมมาตรการรองรับ และมีหนังสือสั่งการให้จังหวัดตรวจสอบพื้นที่และพิจารณาเตรียมการป้องกันสถานการณ์ภายในจังหวัดทั้งด้านพืช ประมง ปศุสัตว์ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อบรรเทาผลกระทบทั้งในและนอกเขตชลประทาน โดยเตรียมกำลังคน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์ เสบียงสัตว์ เวชภัณฑ์ ปัจจัยการผลิต เครื่องสูบน้ำ รถบรรทุกน้ำเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งเร่งปฎิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.61 ที่ผ่านมา
"ยืนยันว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำต้นทุนมีเพียงพอสำหรับการปลูกพืชในช่วงฤดูแล้ง 2560/61 แม้ปลูกข้าวเกินแผนที่กำหนดไว้ 11.6 ล้านไร่ ตามแผนข้าวครบวงจร โดยพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง ณ วันที่ 28 มีนาคม อยู่ที่ 12.54 ล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ชลประทาน 8.48 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 3.06 ล้านไร่ สูงกว่าแผนที่กำหนดไว้ร้อยละ 13 ซึ่งไม่กระทบแผนจัดการน้ำฤดูแล้ง 2.4 หมื่นล้านลบ.ม. และสำรองไว้ 1 หมื่นล้านลบ.ม.จนถึงเดือนกรกฏาคม ในกรณีฝนทิ้งช่วง ขอความร่วมมือชาวนาหยุดปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่องรอบสอง โดยขณะนี้ ได้เปิดน้ำพื้นที่ลุ่มบางระกำ กว่า 3.6 แสนไร่ ให้ชาวนาลงปลูกเร็วขึ้นช่วงต้นเดือนเมษายน และพื้นที่ลุ่มภาคกลาง 22 จังหวัด ปรับปลูกข้าวนาปีเร็วขึ้น 1 เดือน พร้อมกันต้นเดือนพฤษภาคม เพื่อลดความเสี่ยงสามารถเก็บเกี่ยวก่อนน้ำหลากมาประมาณปลายเดือนกันยายน" นายกฤษฏา กล่าว
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พบว่า มีปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศ 35 เขื่อนรวมกัน 50,905 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 67 ของความจุอ่าง รวมกันทั้งหมดมากกว่าปี 2560 รวม 7,164 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นน้ำใช้การได้ 26,985 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 52 ในส่วนลุ่มเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำ 15,139 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างรวมกันทั้งหมด มากกว่าปี 2560 รวม 3,079 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบ มาตรการรองรับความเสี่ยงผลกระทบภัยแล้ง 2 โครงการ คือโครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลายทดแทนนาปรังรอบสอง พื้นที่ 53 จังหวัด 450,000 ไร่ และโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูแล้งหลังนา เป้าหมาย 700,000 ไร่ 31 จังหวัด ซึ่งทั้ง 2 โครงการเกษตรกรจะได้รับการช่วยเหลือไร่ละ 2,000บาท ไม่เกินคนละ 15 ไร่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี