นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ร่วมลงนามกับกรมการข้าว และกรมการส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศระหว่างหน่วยงาน เพื่อพัฒนาฐานข้อมูลให้มีความสมบูรณ์และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับงานบริการภาครัฐสู่ความเป็นเลิศ โดยความร่วมมือด้านฐานข้อมูลกับกรมการข้าว เป็นการเชื่อมโยงกับทั้ง 2 ฝั่ง คือ กรมการข้าวต้องการข้อมูลสมาชิกสหกรณ์ในเรื่องต่างๆ ที่สหกรณ์และสมาชิกดำเนินการอยู่ เช่น อุปกรณ์ทางการตลาด โรงสี การแปรรูปและการรวบรวมต่างๆ เนื่องจากกรมการข้าวต้องการข้อมูลไปใช้ในการวางแผนเพาะปลูกข้าวในพื้นที่ต่างๆ ให้สอดรับกับจุดรับซื้อข้าว ขณะที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะได้ในส่วนของข้อมูลเกษตรกรที่เป็นชาวนาที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น เมื่อหน่วยงานภาครัฐต้องการช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ จะได้นำข้อมูลที่มีอยู่มาใช้ในการดำเนินการให้ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ในอนาคตถ้าระบบงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เราอาจจะการเชื่อมโยงในหลากหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น แต่ในขณะนี้ยังขาดในเรื่องความสมบูรณ์ จึงต้องทำเท่านี้ก่อน แต่หลังจากลงนาม MOU เสร็จแล้ว เราก็สามารถดึงข้อมูลของทั้ง 2 หน่วยงานเข้ามาบูรณาการร่วมกัน เพื่อส่งเสริมงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป สิ่งที่จะเริ่มทำเป็นอันดับแรก คือ การจัดการฐานข้อมูลสมาชิกและการเข้าไปช่วยเหลือชาวนา โดยโครงการแรกที่จะเริ่มคือ โครงการข้าว กข. 43 ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะดำเนินการร่วมกับกรมการข้าว ซึ่งกรมการข้าวเข้าไปส่งเสริมและช่วยเหลือชาวนาในการปลูกข้าว กข. 43 และได้มีการพูดคุยกันว่า น่าจะทำในพื้นที่สหกรณ์ที่มีโรงสี มีจุดรวบรวม เพื่อที่จะให้สหกรณ์ได้เข้ามาดูแลสมาชิกได้ด้วย ซึ่งโครงการนี้จะเกิดขึ้นในปีนี้เป็นปีแรก”นายพิเชษฐ์ กล่าว
นายพิเชษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือกับกรมการปกครอง จะเป็นการช่วยในการพิสูจน์ตัวตนของสมาชิกสหกรณ์ เนื่องจากกรมการปกครองมีระบบในการตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนที่มีความทันสมัย และสามารถพิสูจน์ตัวตนของทุกคนในประเทศไทยได้หมด เพราะว่าฐานข้อมูลทะเบียนสมาชิกสหกรณ์ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์มีอยู่ ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร มีเพียง 70%-80% ของฐานข้อมูลสมาชิก ส่วนอีก 20%-30% จะเป็นการไปขอตรวจสอบกับกรมการปกครองเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้อง
อย่างไรก็ตามในการพิสูจน์ตัวตนของสมาชิกสหกรณ์ หลายครั้งที่มีบุคคลเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกสหกรณ์ แต่กรมส่งเสริมสหกรณ์ไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนได้ว่า เป็นใคร มาจากไหน และภูมิลำเนาอยู่ที่ไหน ถ้าสามารถเชื่อมโยงกับกรมการปกครองได้จะสามารถพิสูจน์ตัวตนได้ว่าเป็นสมาชิกสหกรณ์ รวมถึงสามารถพิสูจน์การทำธุรกรรมกับสหกรณ์ได้ด้วย ซึ่งถ้าหลังจากพิสูจน์ตัวตนแล้ว พบว่า มีความผิดปกติ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะส่งไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่ดำเนินการต่อไป เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของบุคคลที่จะเข้ามาโดยใช้นามแฝง เพราะเดิมทีจะรู้แต่ชื่อ ไม่รู้ว่าตัวตนว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งคาดหวังว่าการร่วมมือกับกรมการปกครองในการตรวจสอบข้อมูลตัวบุคคลจะช่วยพิสูจน์ได้เร็วขึ้นและเกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี