รอง ผบก.ปปป.หอบสำนวนกว่า 4 พันแผ่นยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบเอาผิดพระและเจ้าหน้าที่ทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 พบมีพระเอี่ยวถึง 7 รูปมูลค่าความทเสียหาย 140 ล้าน เผยต้นทางการโกงเป็น จนท. ด้าน ป.ป.ช.เผยอาจใช้เวลารตรวจสอบเป็นปีอ้างสำนวนยังไม่สมบูรณ์ ม็อบองค์กรพุทธโผล่นัดบุกทำเนียบฯ-ป.ป.ช.ยื่นถอดถอน "พงศ์พร" พ้นตำแหน่ง 24 เม.ย.นี้
วันนี้ (23 เม.ย.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ต.อ.วรายุทธ สุขวัฒน์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (รอง ผบก.ปปป.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป.และพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ได้นำสำนวนคดีการทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 เข้ายื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. หลังจากเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ได้มีการยื่นรอบแรกไปแล้ว โดยรอบนี้ประกอบไปด้วยสำนวน 8 แฟ้ม รวมกว่า 4,000 แผ่น
เผยพบพระเอี่ยวทุจริตอีก 7 รูป
พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า วันนี้เป็นการนำสำนวนคดีเพิ่มเติมอีก 7 สำนวน โดยเป็นสำนวนจากทุกภูมิภาค ทั้งภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ โดยพบว่าเป็นผู้กระทำผิดชุดเดียวกันกับสำนวนล็อตแรกและล็อตที่ 2 และมีเพิ่มทั้งฆราวาสและพระผู้ใหญ่ โดยในล็อตนี้มีพระสงฆ์เกี่ยวข้องทั้งที่ยื่นก่อนหน้านี้และที่ยื่นเพิ่มเติมวันนี้รวม 7 รูป โดยเป็นการทุจริตในงบประมาณทั้ง 3 ส่วน คือ งบปริยัติธรรม งบการศึกษา และงบบูรณปฏิสงขรณ์ ส่วนใหญ่เป็นงบปริยัติธรรทั้งหมด 165 ล้านบาท ส่วนสำนวนที่เราได้มาครั้งนี้เป็นทั้งพยานบุคคลและพยานหลักฐานผสมกัน ซึ่งพยานหลักฐานของพระทั้ง 7 รูปนั้นก็ชัดเจน พฤติกรรมไม่ต่างจากล็อต 1 และ 2
ความเสียหายมูลค่า 140 ล้าน
เมื่อถามว่ามีพระผู้ใหญ่บางรูปบอกตำรวจไม่เคยไปสอบปากคำหรือขอข้อมูลจากทางวัดแล้วก็มากล่าวหา พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า เราไม่ขอชี้แจงอะไร เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวนแล้ว แต่ยืนยันว่ากระทำการโดยบริสุทธิ์และพยานหลักฐานที่เรามีเพียงพอ ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต และย้ำว่ายังเป็นเจ้าหน้าที่ทุจริต ในบางส่วนจะมีฆราวาสและมีพระสงฆ์สนับสนุน แต่ต้นเรื่องที่แท้จริงไม่ใช่พระสงฆ์แต่เป็นเจ้าหน้าที่
ส่วนในล็อตใหม่นี้มีเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมด้วยหรือไม่นั้น พ.ต.อ.วรายุทธ กล่าวว่า มี ซึ่งความเสียหายในล็อต 3 รวม 10 วัด มูลค่า 140 ล้านบาท โดยการตรวจสอบของเราทำเป็นห้วงๆ ห้วงละ 3 เดือน เรามีการตรวจสอบ 30 วัด เบื้องต้นเราพบความผิดปกติ 10 วัด
เผย 7 วัดทุจริตอยู่ต่างจังหวัด
รายงานข่าวแจ้งว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษทุจริตเงินทอนวัดล็อตที่ 3 ที่เหลืออีก 7 วัดจากทั้งหมด 10 วัดต่อ บก.ปปป. เมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่วันนี้ รอง ผบก.ปปป.จะนำสำนวนการสอบสวนกว่า 4,000 แผ่นเข้ายื่นต่อ ป.ป.ช.เป็นรอบที่ 2 ต่อจากรอบแรกที่ยื่นไปแล้วเมื่อวันที่ 11 เม.ย.
สำหรับ 7 วัดดังกล่าวจากการตรวจสอบพบเป็นวัดอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดทั้งหมดได้แก่จังหวัดนนทบุรี 3 วัด จังหวัดอุดรธานี 1 วัด จังหวัดลำปาง 1 วัด และจังหวัดนครศรีธรรมราช 2 วัด
"ป.ป.ช."เผยใช้เวลาสอบเป็นปี
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสำนวนคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ที่มีพระชั้นผู้ใหญ่เกี่ยวข้อง 5 รูปว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะข้อมูลในสำนวนที่ บก.ปปป. ส่งมานั้นยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากมีเวลารวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานเพียง 30 วัน ทาง ป.ป.ช.เห็นว่ายังไม่ชัดเจนจึงต้องรวมรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยตามระเบียบของ ป.ป.ช.จะมีกรอบเวลาในการแสวงหาข้อมูล 6 เดือน หากยังทำไม่เสร็จเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบสำนวนจะขอขยายเวลาได้อีก 3 เดือน หากยังทำไม่เสร็จจะต้องเสนอเข้าที่ระชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อของขยายเวลาอีก 3 เดือน แต่หลังจาก 1 ปี หากรวบรวมพยานหลักฐานไม่เสร็จจะต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อให้คณะกรรมการลงไปดำเนินการ
"คิดว่าหากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จเร็วเจ้าหน้าที่คงจะส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา คงไม่ชักช้า ส่วนทางเจ้าหน้าที่จะใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูลเต็มกรอบเวลาหรือไม่นั้น จะต้องรอดูพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้อมูลทางการเงิน เรื่องการจัดสรรงบประมาณ เราต้องรอบคอบเพราะคดีดังกล่าวเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ" พล.ต.อ.วัชรพล กล่าว
อาจเรียก ผอ.พศ.ให้ข้อมูลเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องเชิญ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ.มาให้ข้อมูลด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของผู้รับผิดชอบ อาจจะเป็นการขอข้อมูลไป หรือเป็นการสอบปากคำพยานผู้เกี่ยวข้อง ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ ส่วนจะสามารถใช้หลักฐานเดิมจากคดีเงินทอนวัดที่ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดไปก่อนหน้านี้มาประกอบการพิจารณาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานนั้นๆ บางอย่างสามารถใช้พยานหลักฐานเดิมได้
องค์กรพุทธเคลื่อนไหวปลด ผอ.พศ.
ด้านนายจรูญ วรรณกสิณานนท์ แกนนำกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 เม.ย.เวลา 10.00 น.กลุ่มชาวพุทธพลังแผนดินและเครือข่ายองค์กรชาวพุทธทั่วประเทศจะส่งตัวแทนเข้าร้องต่อ บก.ปปป. และ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่ง และดำเนินการเอาผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ในตำแหน่ง ผอ.พศ. ซึ่งกฎหมายมิได้มอบอำนาจไว้ จากกรณีที่การแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพระเถระและพระชั้นผู้ใหญ่มีส่วนพัวพันการทุจริต ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ก่อให้เกิดความเสียหายและเข้าข่ายมีเจตนาทำให้คณะสงฆ์เกิดความเสียหาย รวมทั้งสร้างความแตกแยกในคณะสงฆ์
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกันจะเดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่ง ผอ.พศ. เพราะขาดคุณสมบัติ มีความไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ถ้าอยู่ต่อไปยิ่งจะทำให้พศ.เสียหาย และเกิดความแตกแยกในคณะสงฆ์ ทั้งยังไม่ทำตามหน้าที่ที่ระบุไว้ในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ พศ. เท่ากับขาดความชอบธรรมในการทำงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี