นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสหกรณ์การเกษตรที่ดำเนินธุรกิจผลไม้ทั่วประเทศมีจำนวน 92 แห่ง ใน 19 จังหวัด ตั้งเป้ารวบรวมผลผลิตจากเกษตรกรกว่า 40,000 ตัน ซึ่งคาดว่าปริมาณผลผลิตในปีนี้ลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นผลไม้จากภาคตะวันออก ทั้งมังคุด เงาะ ทุเรียน ลองกอง และมะม่วงน้ำดอกไม้ ปริมาณ 19,000 ตัน ผลไม้จากภาคเหนือ ได้แก่ ลิ้นจี่ ลำไยสดและแปรรูป สตรอเบอร์รี่และสับปะรด 14,000 ตัน ผลไม้ภาคใต้ ได้แก่ มังคุด เงาะ ลองกองและทุเรียน จำนวน 5,000 ตัน และผลไม้ภาคกลางได้แก่ กล้วยหอมทองของสหกรณ์ใน จ.เพชรบุรี จำนวน 2,000 ตัน ซึ่งตลาดรองรับผลไม้ของสหกรณ์ส่วนใหญ่ เป็นการส่งจำหน่ายให้กับห้างโมเดินเทรด บริษัทผู้ส่งออก และเครือข่ายสหกรณ์ในจังหวัดต่างๆ ส่งผลทำให้การกระจายผลผลิตของสหกรณ์เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทันเวลา โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป
โดยกองทุนพัฒนาสหกรณ์ ได้จัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ย 1% จำนวน 230 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินธุรกิจรวบรวมผลไม้ของสหกรณ์ และเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ปีละ 1,500 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี รวมวงเงิน 4,500 ล้านบาทสนับสนุนการรวบรวมผลไม้ให้สถาบันเกษตรกรได้กู้ยืมไปเป็นทุนหมุนเวียน ในการรวบรวมผลไม้ในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวและระบายออกนอกแหล่งผลิต
สำหรับการผลักดันให้สหกรณ์ส่งออกผลไม้ไปจำหน่ายต่างประเทศ หลังจากที่บริษัท Wind Chain Supply Management ซึ่งเป็นตัวแทนจัดซื้อของอาลีบาบา กรุ๊ป จากจีน ได้เดินทางมาเจรจาธุรกิจกับสหกรณ์ใน จ.จันทบุรี ระยอง และตราด เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อสั่งซื้อทุเรียนจากสหกรณ์โดยตรง โดยบริษัทจะนำไปโปรโมทผ่านเว็บไซต์ทีมอลล์และประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคชาวจีนรู้จักผลไม้ของไทย โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งคนจีนยอมรับว่าทุเรียนไทยเป็นทุเรียนที่ดีที่สุดในโลก ทั้งนี้ในปีนี้ผลผลิตอาจจะยังไม่สามารถส่งจำหน่ายให้อาลีบาบาได้ทุกสหกรณ์ เนื่องจากสหกรณ์ส่วนใหญ่ได้วางแผนตลาดตั้งแต่ก่อนฤดูกาลผลิตแล้ว และคาดว่าการทำธุรกิจซื้อขายผลไม้กับทางอาลีบาบาจะสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มตัวในปี 2562 เป็นต้นไป
“เบื้องต้นทาง บริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป จะส่งตัวแทนเข้ามาดูสวนผลไม้ของเกษตรกร จุดรวบรวมและกระบวนการคัดคุณภาพผลไม้ของสหกรณ์ในจังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราดประมาณกลางเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้เขามั่นใจในคุณภาพของสินค้าของสหกรณ์ จากนั้นจะดูเรื่องปริมาณผลผลิตในแต่ละปีว่าสามารถรวบรวมและส่งขายให้ได้เท่าไหร่ แล้วจึงทำข้อตกลงธุรกิจซื้อขายผลไม้ร่วมกัน” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี