9 พ.ค.61 พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ มาเป็นประธานในพิธีรับมอบเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง (ตกช.) ชุด เรือ ต.265- ต.269 จำนวน 5 ลำ ที่ ท่าเรือแหลมเทียนการท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ ชลบุรี เพื่อเข้าประจำการใน กองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ โดยมี พลเรือเอก รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พลเรือตรี อนุชา เอี่ยมสุโร ผู้บัญชาการกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ กำลังพลประจำเรือ และแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับ
กองทัพเรือได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ พ.ศ.2551 - 2560 ที่ได้กำหนดความต้องการเรือตรวจการชายฝั่ง เพื่อใช้ในภารกิจต่างๆ โดยดำเนินโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง กองทัพเรือ จำนวน 20 ลำ เพื่อทดแทนเรือตรวจการณ์ชายฝั่งเดิม ที่ใช้ราชการมาเป็นเวลานาน และมีกำหนดที่จะปลดระวาง ประกอบด้วย โครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งกองทัพเรือ ชุดเรือ ต.232 - ต.237 จำนวน 6 ลำ โครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งกองทัพเรือ ชุดเรือ ต.261 - ต.264 จำนวน 4 ลำ ที่ทำการรับมอลไปแล้ว และโครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งกองทัพเรือ ชุดเรือ ต.265 - ต.269 จำนวน 5 ลำ ซึ่งประกอบพิธีรับมอบเรือในวันนี้ ได้มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ณ อู่ต่อเรือ บริษัทมาร์ซัน จำกัด เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 และ นางเกสรา ประทุมสุวรรณ ภริยาผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธี
ขณะที่โครงการจัดหาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งกองทัพเรือ ชุดเรือ ต.270 - ต.274 อีกจำนวน 5 ลำ อยู่ระหว่างการสร้างเรือ โดยได้ประกอบพิธีวางกระดูก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2560 ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้ว่าจ้างให้บริษัท มาร์ซัน จำกัด เป็นผู้ดำเนินการสร้างเรือ เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือภาย ในประเทศ อีกทั้งยังเป็นการประหยัดงบประมาณมากกว่าการจัดหาจากต่างประเทศ โดยเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง โดยในส่วนของชุดเรือ ต.265 - ต.269 จะเข้าประจำการในกองเรือยามฝั่ง กองเรือยุทธการ มีภารกิจในการตรวจการณ์ สกัดกั้น ลาดตระเวน ป้องกันการแทรกซึมทางทะเลและชายฝั่ง คุ้มครองเรือประมงและเรือพาณิชย์ ป้องกันและคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติบริเวณชายฝั่งทะเลในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน รักษากฎหมายในทะเลตามอำนาจหน้าที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมาย รวมถึงการถวายความปลอดภัยแด่พระบรมวงศานุวงศ์
สำหรับคุณลักษณะของเรือตรวจการณ์ชายฝั่ง ชุดเรือ ต.265 - ต.269 มีขีดความสามารถปฏิบัติ การรบ โดยสามารถปฏิบัติภารกิจได้ครอบคลุมพื้นที่ปฏิบัติการบริเวณชายฝั่งในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน สามารถตรวจจับติดตามและพิสูจน์ทราบเป้าผิวน้ำ สามารถป้องกันตนเองจากเรือผิวน้ำและอากาศยานข้าศึกได้ตามสมรรถนะของอาวุธประจำเรือ สามารถปฏิบัติการทางเรืออย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุงเพิ่มเติมได้ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง สามารถปฏิบัติงานได้ในสภาพทะเล ไม่น้อยกว่า Sea State 2 สามารถตรวจค้นเรือที่ต้องสงสัย ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ และมีความสามารถการทรงตัวที่ดีในการบังคับเรือและบังคับเลี้ยวในการปฏิบัติงานที่ความเร็วสูง
คุณลักษณะทั่วไปของเรือมีระวางขับน้ำเต็มที่โดยประมาณ 45 ตัน ขนาดของเรือ ความยาวตลอดลำ 21.40 เมตร ความกว้างสูงสุดของเรือ 5.56 เมตร ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง ที่ระวางขับน้ำเต็มที่ไม่น้อยกว่า 30 นอต กำลังพลประจำเรือ 9 นาย สามารถปฏิบัติงานในทะเลได้ต่อเนื่องได้ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุง ระยะปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 350 ไมล์ทะเล ขณะที่อาวุธประจำเรือ เป็นอาวุธปืนหลักขนาด 20 มิลลิเมตร จำนวน 1 กระบอก ติดตั้งบริเวณหัวเรือ อาวุธปืนรอง ปืนกลขนาด .50 นิ้ว จำนวน 1 กระบอก เครื่องยิงลูกระเบิด 81 มิลลิเมตร ร่วมแกน จำนวน 1 กระบอก ติดตั้งบริเวณท้ายเรือ
พลเรือเอกนริส ประทุมสุวรรณ ผบ.ทร.เปิดเผยว่า กองทัพเรือมีแผนปลดเรือตรวจการณ์ชายฝั่งที่ใช้ราชการมานานและครบกำหนดปลดระวาง ตั้งแต่ปี 2558 - 2560 รวม 14 ลำ จึงมีความจำเป็นต้องการจัด หาเรือตรวจการณ์ชายฝั่งทดแทนเรือที่จะปลดระวาง ซึ่งการจัดหาครั้งนี้เป็นการจัดหาเรือตรวจการณ์ชาย ฝั่งเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อการใช้งาน เพื่อตอบสนองต่อภารกิจตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ โดยว่าจ้าง บริษัท มาร์ซัน จำกัด เป็นผู้ดำเนินการต่อเรือ นับได้ว่าเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือภายในประเทศ และประหยัดงบประมาณมากกว่าการจัดหาจากต่างประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี