15 พ.ค.61ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจาก ชาวบ้านกระเบื้องใหญ่ หมู่ที่ 1 และชาวบ้านม่วงราชเจริญ หมู่ที่ 10 และชาวบ้านชาวบ้าน ต.กระเบื้อง อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ โดยการลงลายมือชื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ จากการเข้ามา บุกรุกที่ ป่าทำเลสาธารณะประโยชน์ “คูหนองแต้” เนื้อที่ 1,293 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ระหว่าง หมู่บ้านกระเบื้องใหญ่, บ้านม่วงราชเจริญ, ลำดวน ซึ่งปัจจุบันพบว่า ได้มีชาวบ้านและนายทุนข้ามชาติ กว้านซื้อที่ดิน บุกรุกทำนาในพื้นที่เกือบทั้งหมด ทั้งๆที่มีป้ายติดข้อความว่า “ห้ามทำนาในพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำ ทั้งปรับ” ในระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ดังกล่าวมีการทำนาทั้งหมด ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 3 หมู่บ้าน หลายร้อยหลังคาเรือน ได้รับความเดือนร้อนหนัก เนื่องจากไม่มีพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์ ในฤดูกาลทำนา และหน้าแล้ง เนื่องจากชาวบ้านเคยใช้ประโยชน์ร่วมกัน ก่อนจะมีนายทุนข้ามชาติ และชาวบ้านบางส่วนเข้ามาบุกรุก ทำให้ไม่มีพื้นที่ในการเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว ควาย ช้าง เป็นต้น จึงร้องเรียนมายังสื่อ ลงพื้นที่นำเสนอข่าวช่วย
ผู้สื่อข่าว รุดลงพื้นที่ ป่าทำเลสาธารณะประโยชน์ “คูหนองแต้” เนื้อที่ 1,293 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ ระหว่าง หมู่บ้านกระเบื้องใหญ่, บ้านม่วงราชเจริญ, ลำดวน พบชาวบ้าน ที่ร้องเรียน กว่า 50 คน มีนายสมุทร ทองทิพย์ อายุ 55 ปี ชาวบ้านกระเบื้องใหญ่ เป็นแกนนำ พาลงสำรวจพื้นที่ พบมีการไถ่นา หว่านข้าว เกือบเต็มพื้นที่ จากป่าทำเลสำหรับเลี้ยงสัตว์ กลับกลายมาเป็นทุ่งนา ทั้งนี้ชาวบ้าน ได้เดินทางไปยืนหนังสือ ร้องเรียนของความเป็นธรรม ที่ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ โดยมี นางสาวธนัชชพร สุขเสริม เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอชุมพลบุรี งานอำนวยความเป็นธรรม รับเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อมาชาวบ้านได้ทำเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสนอง ตระกูลรัมย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกระเบื้อง
เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้น สอบถามชาวบ้านบ้านม่วงราษฎร์เจริญ ที่ถูกร้องเรียนว่า บุกรุกเข้าทำกินใน ป่าทำเลสาธารณะประโยชน์ “คูหนองแต้”ได้พบกับ พ่อเมิน บุญหลัง อายุ 91ปี และ แม่ซิม บุญหลัง อายุ 82 ปี และแม่เหรียญ ศรีสง่า อายุ 82 ปี เปิดเผยว่า ตนและครอบครัว รวมทั้งชาวบ้าน ที่ทำนา ได้ทำมาตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตาทวด แล้วจึงอยากขอความเห็นใจจากท่านผู้มีอำนาจช่วยลงมาดูแลให้หน่อย
นายไว บุญกอง อายุ 62 ปี ชาวบ้านกระเบื้องใหญ่ ตัวแทนชาวบ้านที่ร้องเรียน กล่าวว่า ตนและชาวบ้าน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยว เอาจริงและลงพื้นที่ ทวงคืนที่ดินสาธารณะประโยชน์ ป่าทำเลเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ชาวบ้านได้มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน ชาวบ้านเดือนร้อนมานานแล้ว อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่แก้ปัญหา เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย ตนและชาวบ้านก็พร้อมจะรับฟัง ทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ต้องการเห็นคนเอาที่สาธารณะไปเป็นของตนเอง สร้างปัญหาความแตกแยก เรื้อรังให้กับชาวบ้าน ไม่มีที่ทำเลเลี้ยงสัตว์
นายวัน พุทธานุ อายุ 67 ปี ชาวบ้านม่วงราชเจริญ ชาวบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุก กล่าวว่า หลัก นสล.ก็มาที่หลัง ป้ายก็มาที่หลัง ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นที่หลวง ตนเข้าทำนามาตั้งแต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย บรรพบุรษให้มา ไม่เคยบุกรุกที่ดินของใคร วอนหน่วยงานรัฐผู้มีอำนาจลงพื้นที่มาดูแลด้วย
ด้าน นายวิชาติ หิรัญประจักษ์ นายช่างอาวุโส รักษาการแทน ที่ดินจังหวัดสุรินทร์ สาขาอำเภอชุมพลบุรี กล่าวว่า จากการทำประชาคมชาวบ้านส่วนหนึ่งได้ขอเข้าทำประโยชน์ ในป่าทำเลสาธารณะประโยชน์ “ คูหนองแต้” แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านกว่า 100 คนที่เข้าร่วมประชาคม ไม่เห็นด้วย โดยให้เหตุผลว่าที่ดินสาธารณะประโยชน์ตรงนี้ เป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ อยากให้มีการหวงแหนไว้เป็นทรัพย์สมบัติของชาติ และให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ดินแปลงสาธารณะประโยชน์ “คูหนองแต้” ได้มีการออกรรังวัด นสล.แล้ว ก็ถือว่าชอบด้วยกฏหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี