แม้พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงที่มาที่ไปและเจตนารมณ์ของพระราชพิธีนี้ หรือเข้าใจได้ว่า ทำไมพระราชพิธีนี้จึงยังคงมีอยู่ทั้ง ๆ ที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่เกษตร 4.0 แล้วก็ตาม
คำว่าพระราชพิธี หมายถึงงานที่พระมหากษัตริย์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดขึ้นเป็นประจำตามราชประเพณี โดยจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชพิธีนั้นด้วยพระองค์เอง หรือโปรดเกล้าฯ ให้ผู้อื่นเป็นผู้แทนพระองค์ไปในการนั้นก็ได้
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธีที่มี 2 พิธี ต่อเนื่องกัน แต่ผู้คนมักจะเรียกแยกกัน บ้างก็เรียกวันพืชมงคล บ้างก็เรียกวันแรกนาขวัญ แต่ที่คนคุ้นเคยกันมาก และถือเป็นวันหยุดราชการด้วยคือวันที่ประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นพิธีพราหมณ์ ประกอบพิธีที่ท้องสนามหลวง ซึ่งเกษตรกร และคนทั่วไปมักจะรอคอยคำพยากรณ์จากการหยิบผ้านุ่งของพระยาแรกนา ซึ่งมี 3 ขนาด คือ 4 คืบ 5 คืบ และ 6 คืบ รวมทั้งของกิน 7 สิ่งที่ตั้งเลี้ยงพระโค คือ ถั่วเขียว งา ข้าวโพด ข้าวเปลือก หญ้า น้ำ และ เหล้า
ส่วนพระราชพิธีพืชมงคลนั้น เป็นพิธีสงฆ์ ประกอบพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ก่อนหน้าวันแรกนา 1 วัน เป็นพิธีทำขวัญพืชพันธุ์ธัญญาหาร โดยพระมหากษัตริย์จะทรงอธิษฐานเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารในราชอาณาจักร
พันธุ์ข้าวเปลือกที่พระยาแรกนาขวัญใช้หว่านในลานแรกนา และบรรจุเป็นซองเล็กๆ แจกจ่ายให้เกษตรกรทั่วประเทศเพื่อเป็นสิริมงคลก็ต้องผ่านพระราชพิธีนี้มาก่อน ส่วนจะกระจายไปสู่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจริงๆ สักเท่าไรไม่กล้ายืนยัน...
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ มีความมุ่งหมายที่จะบำรุงขวัญของเกษตรกร ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ และแสดงให้เห็นว่าพระมหากษัตริย์ของไทยแต่โบราณกาลทรงให้ความสำคัญกับพระราชพิธีนี้อย่างยิ่ง เพราะเป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และความเชื่อมั่นให้กับอาณาประชาราษฎร์ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยของเรานี้มีการเกษตรผลิตอาหารเลี้ยงผู้คนในแผ่นดิน
พระราชพิธีนี้ เป็นพระราชพิธีเดียวที่ไม่ได้กำหนดวันไว้แน่นอนตายตัว แต่ละปีต้องให้โหรหลวงเป็นผู้หาฤกษ์ยามกำหนดวันที่เหมาะสมในเดือนหก อันเป็นระยะเวลาเริ่มต้นการทำนา ปฏิทินสากลของหลายสำนักจึงมักจะมีปัญหากับวันนี้กันมาก และมักจะเขียนบนปฏิทินเป็นวัน “พืชมงคล” กันเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนจึงมักจะเรียกกันสับสนระหว่างวันพืชมงคล กับวันแรกนาขวัญ จำง่ายๆ ก็แล้วกันว่า วันพืชมงคลไม่ใช่วันหยุด วันหยุดคือวันแรกนาขวัญ
พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเป็นพิธีพราหมณ์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ส่วนพระราชพิธีพืชมงคลอันเป็นพิธีทางพุทธศาสนานั้น เพิ่งจะเพิ่มขึ้นมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้หยุดไปในช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองปี พ.ศ. 2479 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2503 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ฟื้นฟูพระราชพิธีขึ้นมาใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชกระแสให้ปรับกรุงพิธีการบางอย่างให้เหมาะสมกับยุคสมัย ทรงเห็นความสำคัญ เสด็จพระราชดำเนินมาเป็นองค์ประธานทุกปี และสืบต่อมาจนถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลปัจจุบัน
เป็นพระราชพิธีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีบทบาทอย่างสำคัญ โดยเฉพาะพระยาแรกนาขวัญซึ่งเป็นผู้ที่ในหลวงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่นั้น เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดิมทีตั้งแต่ พ.ศ. 2503-2512 โปรดเกล้าฯ ให้อธิบดีกรมการข้าวในสมัยนั้น ทำหน้าที่พระยาแรกนาขวัญ
หลังจากที่ยุบกรมการข้าวในสมัยนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โปรดเกล้าฯ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่พระยาแรกนาขวัญ เว้นเสียแต่บางปี ปลัดกระทรวง มีสุขภาพไม่เอื้ออำนวย หรือ ปลัดกระทรวงเป็นสุภาพสตรี ปลัดกระทรวง ก็จะขอพระราชทานพระราชานุญาตให้อธิบดีบางกรม หรือรองปลัดกระทรวง ทำหน้าที่พระยาแรกนาขวัญแทน...
ไม่ว่าจะเป็น Thailand 4.0 หรือ เกษตร 4.0 ในอนาคต แต่พระราชพิธีอันเป็นสิริมงคล เป็นขวัญและกำลังใจของเกษตรกรนี้ ยังคงความสำคัญสืบต่อไป.....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี