17 พ.ค.61 นายสุภัทร จำปาทอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา พร้อมด้วย ศ.วิจิตร ศรีสอ้าน นายกสมาคมสหกิจศึกษาไทย และ รศวิทยา จันทร์ศิลา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ประธานเครือข่ายสหกิจศึกษาภาคเหนือตอนล่าง ได้ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน วันสหกิจศึกษาไทย ครั้งที่ 9 โดยมีผู้บริการสถาบันอุดมศึกษา ประธานเครือข่ายพัฒนาสหกิจศึกษา ทั้ง 9 เครือข่าย ผู้แทนภาคเอกชน เข้าร่วม
นายสุภัทร กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) สมาคมสหกิจศึกษาไทย และเครือข่ายพัฒนาสหกิจศึกษา 9 เครือข่าย โดยเครือข่ายพัฒนาสหกิจศึกษาภาคเหนือตอนล่าง จะเป็นเจ้าภาพ ร่วมกันจัดงาน วันสหกิจศึกษาไทย ครั้งที่ 9 ในวันพุธที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่ห้องพิษณุโลก คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมอมรินทร์ลากูน จ.พิษณุโลก โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานพิธีเปิดและบรรยายพิเศษ เรื่อง "การพัฒนาทุนมนุษย์ระดับอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี" และมีกิจกรรมทางวิชาการที่น่าสนใจ การแสดงนิทรรศการผลงานสหกิจศึกษาดีเด่นระดับชาติ การประกาศเกียรติคุณและมอบเกียรติบัตรแก่องค์กร และบุคคลดีเด่นผู้ทำคุณประโยชน์ด้านสหกิจศึกษา
เลขาธิการ กกอ.กล่าวว่า สกอ.ให้ความสำคัญกับการจัดงานวันสหกิจศึกษาไทย เพื่อกระตุ้นให้สถาบันอุดมศึกษาตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตบัณฑิตที่มีสมรรถนะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน สหกิจศึกษาเป็นกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่สำคัญยิ่งในบริบทของการเปลี่ยนแปลงประเทศ ที่ขับเคลื่อนโดยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 และเพื่อเตรียมกำลังคนให้มีคุณภาพสามารถแข่งขันในโลกศตวรรษที่ 21 โดยจะส่งเสริมสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาเชื่อมโยงกับภาคการผลิต บริการ และภาคผู้ใช้บัณฑิต ในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ ศักยภาพ และสมรรถนะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานพร้อมก้าวสู่โลกแห่งการทำงานได้ทันที โดยผ่านกระบวนการจัดการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงานในรูปแบบสหกิจศึกษามาอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมโยงมาถึงโครงการบัณฑิตพันธุ์ใหม่เพื่อสร้างกำลังที่มีสมรรถนะสูงสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New Growth Engine) โดยเน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนหรือภาคอุตสาหกรรมในการจัดการเรียนการสอนที่บูรณาการเพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับนักศึกษาที่จะออกไปทำงานได้อย่างเข้มแข็งมีคุณภาพ
ด้าน ศ.วิจิตร กล่าวว่า หลักสูตรสหกิจศึกษา ตนได้เร่ิมจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เพียงแห่งเดียว ตั้งแต่ปีการศึกษา 2536 ต่อมาสถาบันอุดมศึกษามีการนำไปปรับใช้ตามบริบท สถานการณ์และสภาวะแวดล้อมตลอดจนปัจจัยสนับสนุน โดยมีเป้าหมายสำคัญในการผลิตบัณฑิตคุณภาพ เพื่อตอบสนองให้ตรงความต้องการขององค์กรผู้ใช้บัณฑิต ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ เอกชน โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมและบริการ ที่เป็นแหล่งจ้างงาน
"ผมได้เริ่มทำหลักสูตรสหกิจศึกษา ขึ้นที่ ม.เทคโนโลยีสุรนารี เพียงมหาวิทยาลัยเดียว ผ่านมา 25 ปีแล้ว ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 117 สถาบัน มีผู้เรียนกว่า 4 หมื่นคน มีสถานประกอบการ กว่า 1 หมื่นแห่ง มีเครื่อข่ายพัฒนาสหกิจศึกษา 9 เครือข่าย ร่วมกันเป็นพหุภาคี เพื่อพัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพและการศึกษาเข้มแข็งขึ้น ภายใต้ "หลักสูตรสหกิจศึกษาแนวใหม่ สู่ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 20 ปี" เพื่อตอบสนองและนำพาประเทศจากรายได้ปานกลางสู่รายได้สูงโดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน" ศ.วิจิตร กล่าว
ศ.วิจิตร กล่าวถึงมุมมองในการผลิตบัณฑิตและความต้องการของคนรุ่นใหม่ ในแง่ที่จะเป็นแรงงานความรู้ที่เข้าไปขับเคลื่อนการพัฒนา ไม่ใช่แค่เพียงผลิตแล้วก็ป้อนเข้าไปทำงานเป็นบุคลากรของหน่วยงานประเภทมนุษเงินเดือน แต่ขณะนี้ในสังคมไทยเร่ิมมีหน่วยงานประเภทกิจการเพื่อสังคม เป็นธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง แต่นำผลกำไรไปแก้ปัญหาสังคม ไม่ได้นำไปแบ่งกันระหว่างผู้ถือหุ้น ดังนั้น เราต้องเตรียมในเรื่องเจตจำนงใหม่ของบัณฑิตที่จะไปทำงานเพื่อสังคมมากขึ้น และอยากบัณฑิตอยากมีสถานประกอบการ ก็ให้มุ่งบ่มเพาะประสบการณ์กในฐานของวิชาชีพที่เรียน เพราะฉะนั้น เราจะต้องเตรียมพร้อมทำผู้เรียน 3 อย่าง คือ เป็นมนุษย์เงินเดือน เป็นมนุษย์ที่ไปทำงานเพื่อสังคม และเป็นมนุษย์ที่สามารถประกอบการได้ ก็จะเป็นบัณฑิตพันธุ์ใหม่ที่สมบูรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี