อย.เพิ่มโทษหนัก
ใช้สารไซบูทรามีน
จำคุก20ปีปรับ2ล้าน
แถมเจอพยายามฆ่า
มติอย.ยกระดับ “ไซบูทรามีน”เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 1 เพิ่มโทษหนัก จำคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้านบาท ทั้งคนนำเข้า
ผลิต ขาย ถ้าพบเจตนา เพิ่มโทษพยายามฆ่า ด้าน’แพทตี้-มาร์ช’เข้า ให้ปากคำ ตร.รีวิวเมจิกสกิน ยังเหลือดาราอีก20คน ’วิระชัย’คาดไม่เกินเดือน มิ.ย.จะส่งสำนวนให้อัยการได้
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทว่า ได้พิจารณากรณีการใช้สาร”ไซบูทรามีน’ซึ่งไทยได้ประกาศยกเลิกมาตั้แต่ปี 2553 แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์ แถมยังเป็นอันตรายแต่เนื่องจากมีฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลางทำให้รู้สึกไม่อยากอาหาร
อย่างไรก็ตามยังปราฏว่ามีการลักลอบใส่สารดังกล่าวไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจนมีคนกินแล้ว เสียชีวิตหลายราย ดังนั้นคณะกรรมการฯจึงพิจารณาแล้วเห็นว่าควรมีการยกระดับ’ไซบูทรามีน’จากยาอันตราย ให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 1ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2559 ดังนั้นหากพบว่ามีการใส่สารดังกล่าว ลงไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะมีโทษรุนแรงมากขึ้น
นพ.ธเรศ กล่าวว่า จากนี้ได้มอบให้คณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ไปออกเป็นประกาศยกระดับไซบูทรามีนให้เสร็จส่งให้ รมว.สาธารณสุข ลงนามภายในเดือนกรกฎาคมนี้ โดยมีการเพิ่มโทษจากเดิมทำผิดจะมีโทษตามพ.ร.บ.อาหารพ.ศ.2522คือจำคุก 2 ปีปรับไม่เกิน2หมื่นบาท แต่เมื่อยกระดับ จะมีโทษรุนแรงขึ้น กรณีผู้ใดผลิต นำเข้าหรือส่งออก จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปีและปรับตั้งแต่ 5แสนบาทถึง 2ล้านบาท
กรณีหากผลิตนำเข้า ส่งออกเพื่อขายก็มีโทษจำคุก ตั้งแต่7-20 ปีและปรับตั้งแต่ 7แสนบาทถึง 2 ล้านบาท กรณีหากผู้ใดนำเข้ามาผลิตโดยการแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุ จะมีโทษจำคุก4-7ปีและปรับ 8 หมื่นถึง140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อขายจะจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี มีโทษปรับ 4 แสนถึง 2 ล้านบาท และหากผู้ใดขายจำคุก 4-20 ปีและปรับ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท
“ถ้าสืบทราบว่ารู้อยู่แล้วว่าผลิต ขาย ครอบครองผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารไซบูทรามีนอยู่แล้วจะมีโทษทางอาญาเอาผิดฐานพยายามฆ่าได้อีกด้วย”นพ.ธเรศ กล่าว พร้อมยังระบุอีกว่า ขณะนี้กำลังจะมีการพิจารณาควบคุมสารอีกตัว ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจเจอเมื่อเร็วๆนี้แต่ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนควบคุมในประเทศไทยมาก่อน ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้
ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่าตำรวจกำลังสืบสวนทางลึกว่ามีการลักลอบนำเข้าไซบูทรามีน ผ่านช่องทางใดบ้าง ทราบว่า มีความคืบหน้าไปมากแล้ว จากที่คณะกรรมการฯคุยกันว่าหากพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลอบใส่ยาแผนปัจจุบันก็ควรจะยกระดับเอาผิดตาม พ.ร.ย.ยา ซึ่งจะมีโทษรุนแรงกว่า พ.ร.บ.อาหารเพราะการทำแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)นายจุฑาวุฒิ ภัทรกำพล หรือ มาร์ชและน.ส.อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา หรือแพทตี้ นักแสดง พิธีกรชื่อดังเดินทางเข้าพบพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.เพื่อให้ถ้อยคำในฐานะพยานตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวนหลังเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรีวิวผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท เมจิก สกินจำกัด ส่วนน.ส.นานา ไรบีนา และน.ส.สุดารัตน์ โพธิ์น้ำคำ หรือ ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้านได้แจ้งพนักงานสอบสวนว่าติดภารกิจขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำไปก่อน
หลังสอบปากคำนานกว่า 30 นาที พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกดารานักแสดงไป 29ราย มาพบพนักงานสอบสวนแล้ว 9ราย เหลืออีก 20รายจะทยอยเข้าให้ปากคำ ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรบ้าง ต้องรอผลตรวจจากทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์คาดจะทราบผลเร็วๆนี้และคาดไม่เกินเดือนมิถุนายน จะส่งสำนวนให้พนักงานอัยการได้ แต่จากการสอบปากคำพบว่าจะมีบทหรือสคริปของบริษัทโฆษณามาให้ดาราเพื่อโฆษณาสรรพคุณของสินค้านั้นๆ
ในส่วนของ น.ส.อังศุมาลิน หรือ แพทตี้ ที่ได้รีวิวผลิตภัณฑ์เมซโซสลิมมิลล์และเฟิร์นผ่านทางอินสตาแกรม กล่าวว่า ก่อนรับรีวิวมีการตรวจสินค้าทุกครั้งว่ามีอย.หรือไม่แต่ขอโทษประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ด้าน นายจุฑาวุฒิ มาร์ชกล่าวว่าได้รับรีวิวผลิตภัณฑ์เมซโซ สลิมมิลล์ และเฟิร์น ช่วงปลายปีที่ผ่านมารับงานทางผู้จัดการ ยอมรับว่าไม่รอบคอบเท่าที่ควร อยากขอโทษประชาชนและยินดีเข้ามาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่และให้ความร่วมมือทุกอย่าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี