กฤษฎารับหน้า
ม็อบแบนพาราควอตจี้เลิกใช้
สั่งตั้งกก.ร่วมศึกษา
ก่อนชงทบทวนมติ
เครือข่ายแบน “พาราควอต” บุกทำเนียบฯร้องนายกฯทบทวนมติไม่ยกเลิกใช้สารอันตราย 3 ชนิดในการเกษตร ย้ำกระทบเกษตรกร ผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ด้านรมว.เกษตรฯรับเรื่อง พร้อมตั้งกรรมการร่วมศึกษาข้อมูลใหม่ เสนอให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติ โดยไม่ให้ผู้มีส่วนได้เสียเข้าพิจารณาด้วย
เมื่อวันที่ 5มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กรจำนวน 150 คน นำโดย นายสุนทร รักษ์รงค์ แกนนำเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยาง 16 จังหวัดและเครือข่ายคนกรีดยางแห่งประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกร้อยให้ทบทวนมติและกระบวนการพิจารณาเพื่อยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส หลังคณะกรรมการวัตถุอันตรายประชุมพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีมติไม่ห้ามการใช้สารพาราวควอต และสารคลอร์ไพริฟอส ซึ่งทางเครือข่ายมองว่าการไม่แบนสารวัตถุอันตรายดังกล่าว ทำให้เกิดอันตราย และกระทบสุขภาพเกษตรกร ผู้บริโภค รวมถึงสิ่งแวดล้อมด้วย
นายสุนทร แกนนำเครือข่ายฯกล่าวว่า เครือข่ายฯยื่นหนังสือเรียกร้องถึงนายกฯ 3 ข้อคือ 1.ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติและพิจารณายกเลิกพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ภายในเดือนธันวาคม 2562 ตามกรอบเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอไว้ โดยกระบวนการพิจารณาข้อมูลและลงมติต้องไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าร่วม
2.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รศึกษาวิธีการทดแทน ตามมติการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค และ3.ในช่วงที่เปลี่ยนผ่านก่อนจะยกเลิกใช้พาราควอต และคลอร์ไพริฟอสช่วงปี 2562 ถ้าพบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนของการเกษตร ต้องเสนอกระทรวงการคลัง ศึกษาและจัดเก็บภาษีจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรงมาเยียวยาผลกระทบให้เกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนวิธีจัดการวัชพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ทั้งนี้ นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีมารับหนังสือเรียกร้องดังกล่าว โดยกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯกำลังจัดทำแผนจำกัดการนำเข้าวัตถุอันตรายมาใช้ในการเกษตร ใช้ระยะเวลา 60 วัน และจะรับเอาข้อเสนอของทางเครือข่ายฯไปพิจารณา โดยตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างข้าราชการ นักวิชาการและตัวแทนภาคประชาชน มาศึกษาข้อเท็จจริงใหม่ เพื่อยื่นไปที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายให้ทบทวนมติอีกครั้ง ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพประชาชน ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการวัตถุอันตราย และข้าราชการกรมวิชาการเกษตรนั้น เป็นเรื่องกฎหมาย ซึ่งเครือข่ายฯสามารถส่งหลักฐานมาให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษอันตรายร้ายแรง นัดรวมตัวที่ข้างวัดเบญจมบพิตรก่อนตั้งขบวนเดินเท้ามายังสำนักงานสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการชูป้ายคัดค้าน รวมถึงแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการต่อต้านสารอันตราย พร้อมทั้งแสดงละครสะท้อนอันตราของสารพิษดังกล่าว โดยหลังยื่นหนังสือเรียบร้อยแล้ว เครือข่ายฯได้ทยอยเดินทางกลับ ไม่มีความวุ่นวายแต่อย่างใด
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ขอให้ยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ว่า ขอบคุณคณะที่มา ซึ่งคงเดินทางกลับแล้ว ตนให้ความสำคัญและได้ส่งตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณะสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไปรับเรื่อง ชี้แจง และทำความเข้าใจ รับข้อเสนอมาทั้งหมด ตนให้เกียรติทุกคน แต่หากจะให้ตนลงไปพบเองคงลำบาก เพราะจะเยอะ หลายเรื่อง และวันนี้ข้อสรุปออกมาว่า จะให้เวลาในการเปลี่ยนแปลงภายในปี62 ว่าจะต้องมีแผนการลดพื้นที่ มีการลดใช้ปริมาณสารเคมี ลดการนำเข้า หรืออาจจะทำได้เร็วกว่านี้ รัฐบาลกำลังดำเนินการต่อไป มีการประชุมร่วมกันตลอดเวลา เพื่อติดตามความก้าวหน้า ก็อย่าไปปลุกกันขึ้นมาอีกเลย
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตรงนี้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องของผู้บริโภคอยู่แล้ว ต้องกลับไปดูตรงต้นทางว่าเกษตรกรว่าอย่างไร ต้องการอะไร มันอยู่ที่ทุกคนเคารพกติกา ควบคุมได้ ป้องกันตนเองได้ ไม่ใช้มากเกินไป มันก็มีตัวอย่างหลายประเทศ แต่บ้านเราก็ไม่ได้แล้วล่ะตอนนี้ ซึ่งภายในปี 62 ต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ขณะเดียวกันขอฝากไปถึงเกษตรกรที่ใช้สารเคมีบ้างในจำนวนที่จำกัด และไม่ใช้สารเคมีเลย ซึ่งกฎหมายมีทุกตัว ต้องไปดูพื้นที่ใดบ้างที่ใช้สารเคมีต้องลดลงเพื่อให้ไปขึ้นมาตรฐานจีเอ็มพีได้ ตนเห็นใจเกษตรกร แต่เราให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเป็นหลัก รวมถึงในตลาดโลกด้วย เรื่องผัก ผลไม้ เหล่านี้ต้องระมัดระวัง เกษตรกรต้องปรับตัว อย่างไรก็ตาม การประชุมร่วมกันก็ขอให้เอาภาคผู้ใช้ ภาคเกษตรกรมาหาทางออกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี