วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“วันสิ่งแวดล้อมโลก” 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ทุกประเทศทั่วโลกร่วมถึงประเทศไทย ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมภายใต้ประเด็น “Beat Plastic Pollution: It you can’t reuse it, refuse it” หรือที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เอามาแปลเป็นไทยว่า “รักษ์โลก เลิกพลาสติก” ซึ่งสาเหตุก็ดังที่เราทราบกันดีว่าเป็นเพราะปัญหาขยะพลาสติกทุกวันนี้มันหนักหนาสาหัสมาก
ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ เท่านั้น แม้แต่ประเทศไทยก็อ่วม
ไม่ต้องย้อนไปดูที่ไหนไกล เอาแค่เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ที่มี “วาฬนำร่องครีบสั้น” ตายที่สงขลา ซึ่งพอผ่าท้องออกมาปรากฏว่าเจอขยะพลาสติกอยู่เต็มกระเพาะอาหาร นับรวมได้ถึง 85 ชิ้น 8 กก.
ขณะที่ข้อมูลการสำรวจขยะมูลฝอยเมื่อปี 2558 ของ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ก็พบว่า ในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล มีปริมาณขยะมากถึง 10 ล้านตันต่อปี โดยในจำนวนนี้เป็นขยะตกค้างถูกนำไปจัดการอย่างไม่ถูกวิธีถึง 5 แสนตัน โดยในจำนวนนี้กลายเป็นขยะที่ไหลออกไปสู่ทะเลประมาณปีละ 50,000-60,000 ตัน หรือประมาณ 750 ล้านชิ้นต่อปี
นอกจากนี้เมื่อวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอเอฟพี ยังได้เปิดเผยรายงานที่น่าตกใจเกี่ยวกับสถานการณ์ขยะว่า จากการสำรวจเมื่อปี 2558 พบว่า มีขยะพลาสติกถูกทิ้งลงในมหาสมุทรทั่วโลกมากถึงปีละ 8 ล้านตัน หรือเฉลี่ยนาทีละ 1 คันรถบรรทุก โดยขยะเหล่านี้กว่าครึ่งเป็นขยะจากจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และประเทศไทย
รายงานระบุว่าทั้ง 5 ประเทศนี้ มีการใช้พลาสติกแทบจะตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน แต่กลับมีระบบการจัดการขยะพลาสติกอย่างเหมาะสมเพียงร้อยละ 40% เท่านั้น ซึ่งจากปริมาณดังกล่าวแล้ว หากยังไม่ลดการทิ้่ง ทะเลในโลกจะมีขยะพลากสิกเพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านตัน ภายใน 7 ปี และจะมีปริมาณขยะพลาสติกมากกว่าจำนวนปลาในทะเลภายใน 32 ปี
ข้อมูลเหล่านี้ เป็นเพียงข้อมูลขยะทางทะเลเท่านั้นนะครับ ถ้าจะให้ดูข้อมูลทั้งประเทศจะน่าตกใจยิ่งกว่า เอาแค่ตัวเลขคร่าวๆ ที่ท่าน พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทส. แถลงมาว่า เมื่อปี 2529 ปีเดียว ประเทศไทยมีขยะกว่า 25 ล้านตัน และเป็นขยะพลาสติกถึง 3.2 ล้านตัน แค่นี้ก็มองเห็นอนาคตแล้วว่า อนาคตปัญหาขยะพลาสติกมันจะน่ากลัวขนาดไหน
ฉะนั้นจึงน่าจะถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและทส.ต้องเลิกเงื้อง่า และหันมาเอาจริงกับเรื่องนี้เสียที ต้องไม่ลืมนะครับว่า เราประกาศปัญหาขยะเป็นวาระแห่งชาติมา 4 ปีกันแล้ว แต่สีปีที่ผ่านมา ปัญหามันกลับรุนแรงมากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งมันสะท้อนให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ลำพังมาตรการรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนเหมือนอย่างที่ทำกันมา มันไม่พอ แต่มันต้องมีมาตรการอื่นๆ เข้าไปเสริมด้วย ทั้งไม้แข็ง และไม้นวม
เช่น เมื่อวันก่อน ผมเห็นข่าวที่มีคนแชร์มาจาก นสพ.พนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา บอกว่า เพื่อนบ้านของเรากำลังเริ่มเอาจริงกับการเก็บเงินค่าถุงพลาสติกกันแล้ว ใครที่เข้าห้าง เข้าร้านสะดวกซื้อ อยากได้ถุงพลาสติกก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก 400 real หรือ 3 บาทต่อ 1 ถุง ถ้าไม่อยากจ่ายก็ต้องเอาถุงมาใส่หรือถือกลับไปเอง
ประเทศไทยของเราเองก็ต้องกลับมาคิดกันนะครับ เพราะเห็นแจกถุงผ้ากันมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี แต่ขยะพลาสติกไม่เคยลด บางทีอาจจะต้องถึงเวลาใช้ไม้แข็งบังคับกันบ้าง ก็น่าจะดี
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี